รักษาฝ้า กระ จุดด่างดำ
ปัญหาฝ้า กระ จุดด่างดำบนใบหน้าถือว่าเป็นปัญหาที่กวนใจใครหลายๆ คน เพราะเชื่อว่าทุกคนต่างปรารถนาอยากมีใบหน้าที่สวย สะอาด ผิวพรรณผ่องใส ไร้จุดด่างดำ ไร้รอยต่างๆ ที่ทำให้ใบหน้าเราหมดความสวย และเป็นปัญหาที่รักษายาก แต่ แต่ แต่!! ใช่ว่าจะรักษาไม่ได้ ลองอ่านบทความนี้ เรามีเคล็ดลับรักษาฝ้า กระ จุดด่างดำอย่างไรให้เห็นผลมาแนะนำกันครับ
“ฝ้า” มีลักษณะอย่างไร
ฝ้า (Melasma) เป็นรอยคล้ำสีดำหรือน้ำตาลอ่อน มักจะเกิดขึ้นที่บริเวณโหนกแก้ม หน้าผาก และคาง โดยส่วนมากแล้วจะพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชายในช่วงอายุ 25-55 ปี โดยเฉพาะคนเอเชียนับว่าพบปัญหาผิวหนังบ่อยมาก อีกทั้งปัจจัยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นพันธุกรรม การทานยาคุมกำเนิด การตั้งครรภ์ การรักษาด้วยฮอร์โมน สีผิว รวมทั้งเครื่องสำอาง ซึ่งก็สามารถเป็นปัจจัยกระตุ้นทำให้เกิดฝ้าขึ้นได้เช่นกัน
ประเภทของฝ้า
1. ฝ้าตื้น (Epidermal type)
เกิดขึ้นบริเวณชั้นหนังกำพร้าหรือผิวหนังชั้นนอก มีสีน้ำตาลเข้มไปจนถึงสีเทาดำ เกิดขึ้นได้ง่าย สามารถเห็นขอบเขตได้ชัดเจน และรักษาให้หายได้โดยใช้เวลาไม่นาน
2. ฝ้าลึก (Dermal type)
เกิดขึ้นบริเวณชั้นหนังแท้จากการสร้างเม็ดสีเมลานินมากกว่าปกติ มีสีน้ำตาลอ่อนสีเทา สีเทาอมฟ้า รักษายากกว่าฝ้าตื้น

3. ฝ้าเลือด (Vascular melasma)
มีลักษณะเป็นสีแดงๆ คล้ายเส้นเลือด หรือบางครั้งอาจเป็นสีแดงปนน้ำตาล เกิดจากความผิดปกติของเลือดลมและการแปรเปลี่ยนของฮอร์โมนภายในร่างกาย จุดสังเกตคือคนที่เป็นฝ้าเลือดเวลาโดนแสงแดดจัดๆ หน้าจะแดงง่าย

นอกจาก “สิว ฝ้า จุดด่างดำ” ที่นับเป็นปัญหากวนใจของใครหลายคนแล้ว “กระ” ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งปัญหาผิวบนใบหน้าที่สำคัญด้วยเช่นกัน
ประเภทของกระ
กระตื้น
กระตื้นมีลักษณะเป็นจุดสีน้ำตาล ขอบเขตไม่ชัดเจน มีขนาดเล็กไม่เกิน 0.5 เซนติเมตร มักพบกระจายอยู่ทั่วใบหน้า สีมักจะเข้มขึ้นหากโดนแสงแดด และจะจางลงหากไม่โดนแสงแดดนานๆ
กระลึก
ลักษณะเป็นจุดสีน้ำตาลเข้มหรือสีดำ มักพบบริเวณโหนกแก้มทั้ง 2 ข้าง ในบรรดากระทั้งหมดกระลึกค่อนข้างรักษาหายยากที่สุด และต้องใช้เวลานาน เนื่องจากเม็ดสีที่อยู่ลึก สำหรับการรักษาการใช้ครีมหรือยาทาอาจช่วยได้บ้าง ทำให้กระลึกจางลงได้ แต่จะไม่หายไปทั้งหมด
กระแดด
ลักษณะเป็นดวงสีน้ำตาล ผิวเรียบ มักพบในผู้สูงอายุหรือคนที่ทำงานอยู่กลางแดดเป็นเวลานานๆ
เคล็ดลับการรักษาฝ้า กระ อย่างไรให้เห็นผล
โดยเริ่มแรกคุณหมอจะวิเคราะห์ฝ้า กระ บนใบหน้าของคนไข้ก่อน เพื่อประเมินว่าเป็นฝ้า กระ ประเภทไหน แล้วจะเลือกใช้วิธีการรักษาที่ให้ผลลัพธ์สูงสุด สามารถตอบโจทย์คนไข้ได้ดี ซึ่งทางธีระธรฌ์คลินิกมีวิธีการรักษา 2 วิธี คือ การยิงเลเซอร์ Pico และการฉีด Meso Arbutin รักษาฝ้า กระ จุดด่างดำ ซึ่งมีขั้นตอนและวิธีการดังนี้
การยิงเลเซอร์ Pico รักษาฝ้า กระ จุดด่างดำ
เลเซอร์ Pico เป็นเทคโนโลยีรุ่นใหม่ล่าสุดที่น่าสนใจ เพราะได้พัฒนาขึ้นมาเพื่อเปลี่ยนวิธีการทำงานของเลเซอร์ด้วยคลื่นแสงความถี่สูงในการทำลายเม็ดสีที่ผิดปกติ ทำลายด้วยการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง (Photoacoustic) โดยไม่ก่อให้เกิดความร้อน (Selective Photothermolysis) และได้ผลการรักษาที่มีประสิทธิภาพสูงสุด
อีกความเพอร์เฟคของเครื่องนี้ไม่เพียงแต่ทำลายฝ้า กระ จุดด่างดำได้เท่านั้น แต่ยังสามารถรักษารอยแผลเป็น หลุมสิว ลบรอยสัก และช่วยให้ผิวหน้ากระจ่างใสได้อีกด้วย
เลเซอร์ Pico ทำงานยังไง?
ทำงานโดยส่งพลังงานเลเซอร์เข้าไปยังเม็ดสีที่ผิดปกติ และด้วยพลังงานแสงที่มีความถี่สูงมากจึงทำให้เม็ดสีที่เรียงตัวกันอยู่อย่างหนาแน่นเป็นกระจุก หรือบริเวณที่เป็นฝ้า กระ จุดด่างดำ เกิดการแตกกระจายตัวออก แล้วถูกดูดซึมออกจากร่างกาย โดยไม่มีการสะสมความร้อนในบริเวณเซลล์รอบๆ แต่อย่างใด เม็ดสีที่ผิดปกติจะเริ่มจางลงตั้งแต่ครั้งแรกที่เริ่มรักษา มีผลงานวิจัยยอมรับถึงประสิทธิภาพการรักษาฝ้า กระ รอยดำและรอยแดงว่าได้ผลดี มีความปลอดภัย ได้มาตรฐานที่สุดในยุคนี้
ที่สำคัญ!! ไม่ระคายเคือง ไม่เจ็บ ไม่เสี่ยงต่อผิวไหม้ และปลอดภัย ไม่มีผลข้างเคียงเหมือนการรักษาด้วยเลเซอร์แบบเดิมๆ จึงทำให้สามารถรักษาได้อย่างต่อเนื่อง และเห็นผลลัพธ์ที่รวดเร็ว
ขั้นตอนการรักษาฝ้า กระ ด้วยเลเซอร์ Pico
ขั้นตอนที่ 1 ต้องทำความสะอาดผิวหน้าก่อน
ขั้นตอนที่ 2 ใส่ที่ครอบบริเวณตาเพื่อป้องกันแสงกระทบต่อดวงตา
ขั้นตอนที่ 3 ในระหว่างที่คุณหมอยิงเลเซอร์ จะมีพนักงานคอยเป่าลมเย็นๆ ไปพร้อมๆ กับการยิงเลเซอร์
การรักษาฝ้า กระ จุดด่างดำด้วยเครื่องเลเซอร์ Pico ไม่เพียงแต่ทำให้เม็ดสีแตกกระจายได้เร็วขึ้น แต่ยังกระตุ้นการสร้างอีลาสติน และคอลลาเจนใหม่ในผิวชั้นลึกจำนวนมหาศาล ทำให้ผิวกระจ่างใส เรียบเนียน ริ้วรอยลดน้อยลง และกระชับรูขุมขนไปพร้อมกัน
2. ฉีด Meso Arbutin รักษาฝ้า กระ จุดด่างดำ
คุณหมอจะใช้ Meso Therapy ที่มีตัวยาสูตรเฉพาะเข้มข้นที่เรียกว่า Alpha-Arbutin ในปริมาณที่เหมาะสมผสมเข้าไปในเมโส เพื่อไปกระตุ้นให้ผิวยับยั้งการผลิตเม็ดสีเมลานินตั้งแต่ต้นทาง ลดการสร้างเม็ดสีที่แตกต่างบนผิวหนัง ช่วยลดความหมองคล้ำ ลดเลือนจุดด่างดำและปื้นฝ้า กระ จุดด่างดำบนใบหน้า เป็นการฉีดตัวยาเข้าไปใต้ผิวหนังของคนไข้โดยตรง ยาสามารถซึมซาบเข้าสู่ผิวได้ทันที
ต้องรักษากี่ครั้งจึงจะเห็นผล
การฉีดเมโส ฝ้า กระ จุดด่างดำ จะเห็นผลตั้งแต่ครั้งที่ 1-2 ทั้งนี้จะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล และเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด อย่างน้อยควรรักษาอย่างสม่ำเสมอทุกๆ 1-2 อาทิตย์ ซึ่งจะช่วยให้ฝ้า กระ จุดด่างดำดูจางลง ผิวขาวใสมากขึ้น
การดูแลตัวเองหลังการรักษาฝ้า กระ จุดด่างดำให้ได้ผลดี
- คนไข้ควรหลีกเลี่ยงแสงแดดและการโดนแดดโดยตรงเป็นเวลานานๆ หากจำเป็นจริงๆ ให้ทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF50 PA+++ ขึ้นไป และควรเติมทุกๆ สองชั่วโมง รวมทั้งการใส่หมวกหรือพกร่ม
- ในชีวิตประจำวันควรทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF30 PA+++ ขึ้นไป ไม่ว่าจะทำกิจกรรมกลางแจ้งหรืออยู่ในออฟฟิศก็ตาม
และนี่ก็เป็นวิธีการรักษาฝ้า กระ จุดด่างดำ ที่คุณหมอเลือกแนะนำ แต่เพื่อผลลัพธ์ที่ดีและให้คุ้มค่าในการรักษา ควรเข้ามาปรึกษาแพทย์ผู้ชำนาญ เลือกคลินิกที่น่าเชื่อถือก่อนตัดสินใจทุกครั้งครับ