คนที่เหมาะกับการเสริมหน้าอกด้วยไขมันตัวเองควรมีลักษณะเช่นใดบ้าง
- มีไขมันหน้าท้องมากเกินไป อยากให้หน้าอกดูสวยขึ้น
- หน้าอกหย่อนคล้อยภายหลังจากการคลอดบุตร
- หน้าอกค่อนข้างเล็ก(เทียบตามสัดส่วน รูปร่าง)
- คนที่อยากให้หน้าอกดูอวบอิ่ม ยืดหยุ่นมากขึ้น
- คนที่ต้องการศัลยกรรมหน้าอก แต่ไม่อยากใช้วัสดุเทียม
- ขนาดหน้าอกไม่เท่ากัน
- คนที่ได้รับผลกระทบจากโรคที่เกี่ยวกับหน้าอก หน้าอกเล็กลงหรือเปลี่ยนรูป
- คนที่อยากให้อกดูเป็นธรรมชาติมากขึ้นหลังจากผ่านการศัลยกรรมหน้าอกมาแล้ว
เปลี่ยนส่วนเกินเป็นส่วนเสริม
แนวคิดส่วนใหญ่ของการศัลยกรรมหน้าอก ก็คือการเพิ่มวัสดุหรือสารต่างๆ เข้าไปในร่างกายเพื่อให้ได้รูปทรงหรือขนาดหน้าอกตามที่ต้องการแต่สำหรับเทคนิค “การเสริมหน้าอกด้วยการปลูกถ่ายไขมันตัวเอง”
แล้วแนวคิดคือการ “ย้าย”ไม่ใช่เพิ่มเข้าไปแบบเดิมเพราะกระบวนการของเทคนิคนี้นั้นคือการย้ายไขมันที่เป็น “ส่วนเกิน” ออกไปเพิ่มยังบริเวณหน้าอกโดยเริ่มจากการดูดไขมันออกและนำไปสกัดแยกเพื่อให้ได้สารสกัดไขมันธรรมชาติหลังจากนั้นถึงจะเข้าสู่กระบวนการของการฉีดไขมันเข้าสู่บริเวณหน้าอกในภายหลัง ซึ่งจะเห็นได้ว่า ไม่มีสารเคมีหรือวัตถุแปลกปลอมใดๆ อยู่ในกระบวนการเลยเพราะฉะนั้นจึงมั่นใจได้ว่าสามารถตัดปัญหาที่ร่างกายจะไม่ตอบสนองทิ้งไปได้เลยอีกทั้งยังถือว่าเป็นการนำไขมันที่เป็นส่วนเกินไม่ว่าจะเป็นไขมันหน้าท้องหรือไขมันต้นแขน ออกไปด้วยอีกทาง
ความเป็นธรรมชาติและหนึ่งเดียวกับร่างกายที่มากกว่า
ด้วยความที่เซลล์ไขมันเปรียบเสมือนสิ่งมีชีวิตที่ปลูกถ่ายย้ายจากส่วนหนึ่งของร่างกาย ไปยัง หน้าอก ผลที่ได้จึงอยู่ถาวรและเป็นเนื้อเดียวกับหน้าอก มีความเป็นธรรมชาติอย่างสมบูรณ์ทั้งการมองเห็น และการสัมผัส รวมไปถึงผลลัพธ์ของหน้าอกซึ่งจะใหญ่ขึ้นทันทีแต่อาจจะยังไม่อยู่ระดับถาวร เพราะไขมันจะยุบตัวลง 20-30 % หลังผ่านไป 3 เดือน ดังนั้นการฉีดไขมันจึงอาจจะต้องฉีดให้ใหญ่กว่าขนาดที่คนไข้ต้องการเล็กน้อย เพื่อให้ได้ขนาดหน้าอกตามที่คนไข้ต้องการ โดยทั้งนี้นั้นขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองของคนไข้และการติดตามผลอย่างต่อเนื่องกับแพทย์ประกอบกันไปด้วย
ผลข้างเคียงที่น้อยกว่าแต่ประหยัดเวลามากกว่าเดิม
อีกหนึ่งจุดเด่นของการเสริมหน้าอกด้วยการปลูกถ่ายไขมันตัวเองก็คือตลอดกระบวนการนั้น ไม่มีการผ่าตัดใดๆทั้งสิ้นใช้เพียงแค่ เข็มเท่านั้นไม่ว่าจะเป็นการดูดไขมันออกหรือว่าการเพิ่มไขมันเข้าไปในบริเวณหน้าอกทำให้หลังจากเสร็จสิ้นแล้วสามารถตัดความกังวลเรื่องแผลผ่าตัดออกไปได้แม้ว่าจะมีอาการบวมอยู่บ้างในช่วงสัปดาห์แรกหลังการทำแต่อาการเหล่านี้ก็จะหายไปเองหากคนไข้ดูแลตัวเองและทำตามแพทย์สั่งรวมไปถึงระยะเวลาพักฟื้นที่ใช้เวลาไม่มากไม่ต้องนอนพักฟื้นคนไข้ก็สามารถกลับบ้านได้เลยภายใน 3-4 ชั่วโมง แม้ว่าจะมีข้อดีหลายต่อหลายข้อ แต่การเสริมหน้าอกด้วยการปลูกถ่ายไขมันตัวเองก็มีข้อจำกัดอยู่บ้างในเรื่องของการปรับรูปทรง หรือ ในกรณีของผู้ที่มีหน้าอกเล็กมากและต้องการเพิ่มขนาดให้ใหญ่กว่าเดิมแบบหลายเท่า
แสดงว่าการเสริมหน้าอกด้วยวิธีนี้ จะทำให้เกิดพังผืด?
พังผืดเกิดขึ้นได้กับทุกคน ไม่ว่าจะสิ่งแปลกปลอม อย่างซิลิโคน หรือว่าฟิลเลอร์ที่สลายตัวเองได้

การฉีดไขมัน มีข้อดี และข้อเสียต่างจากการเสริมหน้าอกด้วยซิลิโคนอย่างไร?
ซิลิโคนเป็นสิ่งแปลกปลอม จึงมีโอกาสติดเชื้อสูงกว่า แต่ข้อดีของมันคือมีขนาด และรูปทรงที่ชัดเจน อีกทั้งยังสามารถตรวจสอบหามะเร็งเต้านมได้ง่ายกว่าคนที่ไม่ได้เสริมหน้าอก แต่ตอนที่ตรวจต้องบอกหมอว่าตัวเองเสริมหน้าอกมาด้วย ส่วนการฉีดไขมันตัวเองเข้าไปนั้น ไม่ถือว่าเป็นสิ่งแปลกปลอม สามารถสร้างรูปทรงและขนาดตามความต้องการได้ จึงดูแล้วเป็นธรรมชาติมากกว่า เมื่อสัมผัสจะรู้สึกว่าเหมือนเต้านมจริงๆ แต่ข้อเสียของมันก็ มีความเป็นไปได้ว่าเต้านมทั้งสองด้านจะมีขนาดไม่เท่ากัน ผิวอกอาจไม่เรียบ เพราะไขมันมีความเป็นไปได้ว่าจะสลายตัวไม่เท่ากัน จึงต้องมีการฉีดเพิ่ม แต่ถ้าฉีดไปแล้ว 3 เดือน แล้วเต้านมยังอยู่ทรงดี ไขมันที่ฉีดก็จะอยู่กับเราไปทั้งชีวิต ไม่ลดน้อยลง มีแต่จะเพิ่มขึ้นถ้าเราอ้วนขึ้น มีน้ำหนักตัวมากขึ้น
จะมีอาการแทรกซ้อนจากการฉีดไขมันได้หรือไม่?
อาจเกิดขึ้นได้ตอนขั้นตอนดูดไขมัน เช่น บวม ช้ำ หรือติดเชื้อ เพราะถึงแม้ว่าเราจะอยู่ในสภาวะปลอดเชื้อ แต่ในโลกนี้ก็ยังไม่มีสถานพยาบาลไหน ที่กล้าพูดได้เต็มปากว่าปลอดเชื้อ 100% ส่วนขั้นตอนการฉีดไขมันไม่ค่อยมีผลข้างเคียง ส่วนเคสที่เส้นเลือดในสมองอุดตัน จนสมองตาย ตาบอด หรือเสียชีวิต เป็นการนำไขมันมาฉีดบนใบหน้า ส่วนการฉีดไขมันที่หน้าอก ยังไม่มีรายงานว่าเป็นอันตรายครับ
ข้อดีของการเสริมหน้าอก ด้วย ไขมัน
- ไม่มีรอยแผลเป็นจากการผ่าตัดเป็นเพียงแค่รอยเข็มฉีดเท่านั้น
- การบาดเจ็บของเนื้อเยื่อน้อยกว่าการเสริมซิลิโคน
- เป็นการลดไขมันตัวเองในบริเวณที่ไม่ต้องการไปพร้อมกัน
- ไม่ต้องมีสิ่งแปลกปลอมใส่ในร่างกาย
- ไขมันที่ฉีดสามารถอยู่ไปได้ตลอดไม่มีหมดอายุ
- ไม่มีปัญหาเรื่องพังผืดเกาะและหดรัด
เสริมหน้าอก ด้วย ไขมันตัวเอง เหมาะสำหรับใครบ้าง
- ผู้ที่ต้องการปรับสัดส่วนลดส่วนเกิน มาเพิ่มขนาดหน้าอก
- ผู้ที่ต้องการเพิ่มขนาดหน้าอกให้ผลลัพธ์เป็นธรรมชาติ
- ผู้ที่ไม่มีเวลาพักฟื้น
- ผู้ที่ไม่ต้องการแผลเป็นหลังจากผ่าตัด
- ผู้ที่กลัวการผ่าตัด
- ผู้ที่ไม่ต้องการให้หน้าอกเป็นก้อนแข็ง
- ผู้ที่เสริมหน้าอกด้วยซิลิโคนมาแล้วและต้องการปรับให้ดูธรรมชาติมากขึ้น
- ผู้ที่คลอดบุตร มีปัญหาหน้าอกคล้อย
- ผู้ที่ไม่เวลาดูแลจากการนวดป้องกันพังผืดเกาะซิลิโคน
การเตรียมตัวก่อนทำ
- ขั้นตอนการเตรียมตัวก็เหมือนการเตรียมตัวการทำศัลยกรรมทั่วไปแพทย์ ซักประวัติ ตรวจร่างกายรวมถึงประวัติการใช้ยา การแพ้ยา แนะนำให้งดวิตามินหรืออาหารเสริมก่อนประมาณ 2 สัปดาห์ ก่อนผ่าตัดและหลังผ่าตัด
- การเสริมเต้านมหรือการเพิ่มขนาดด้วยการดูดไขมันตัวเองไม่ สามารถทำให้รูปร่างของคุณเพียวกระชับมากขึ้นเนื่องจากเป็นการดูด ในปริมาณที่ ไม่มากของแต่ล่ะจุดนำมาทำสเตมเซลล์แต่ถ้าดูดไขมันเฉพาะที่เพื่อลดสัดส่วนไป ด้วยเพื่อเพิ่มความกระชับของร่างกาย
- การพักฟื้นหลังการ เสริมหน้าอก ด้วย ไขมันตัวเอง
- หลังการทำการรักษา คนไข้สามารถกลับไปทำกิจกรรมทั่วไปได้ตามปกติ หลีกเลี่ยงการอบซาว์น่า หรือการออกกำลังกายและนวดตัวหนักๆ บริเวณที่ทำ2เดือน
- ผิวหนังบริเวณที่ทำอาจมีการบวม ควรชุดกระชับที่เป็นอุปกรณ์ทางการแพทย์เท่านั้น เพื่อช่วยลดอาการบวม และช่วยในการกระชับผิว เมื่อผิวสภาพเข้าที่จะรู้สึกได้ทันทีถึงสัดส่วนที่กระชับขึ้น
การดูแลหลังทำ
- งดยากลุ่มแอสไพลิน วิตตามิน ประมาณ 2-4 สัปดาห์
- งดดื่มแอลกอฮอล์ หรือของมึนเมา ประมาณ 2-4 สัปดาห์
- ช่วงแรกหลังรับการรักษาให้แผลโดนน้ำ เนื่องจากอาจติดเชื้อได้
- ช่วงแรกจะมีอาการบวม ช้ำ และจะค่อยๆ ดีขึ้นเรื่อยๆ
- งดของหมักดอง ของสแลง ประมาณ 2 – 4 สัปดาห์
- งดออกกำลังกาย และเข้า ซาวน์น่า 2 – 4 อาทิตย์
- ควรเข้ามาพบแพทย์เป็นระยะๆ เพื่อให้แพทย์ได้ดูอาการอย่างต่อเนื่อง
ดังนั้นผู้ที่เสริมหน้าอกด้วยไขมันตัวเองก็ควรจะพิจารณาถึงความพร้อมทั้งทางด้านร่างกาย จิตใจ และกำลังทรัพย์ โดยเฉพาะทางด้านจิตใจว่ามีความต้องการที่จะเสริมหน้าอกจริง ๆ หรือไม่ ก่อนที่จะเสริมหน้าอก ก็ควรที่จะหาข้อมูลให้มากที่สุดเท่าที่จะมาได้ เช่น อาจจะถามได้จากเพื่อนๆหรือศึกษาจากหลายๆที่รวมทั้งศัลยแพทย์ที่เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ทางธีระธรฌ์คลินิก มีความห่วงใยสุขภาพและการดูแลตัวเองอย่างสม่ำเสมอ เพราะความงาม ต้องให้ ”ผู้เชี่ยวชาญ” ดูแล
YKJ Medical Center (ชื่อเดิม “ธีระธรฌ์คลินิก”) ก่อตั้งโดยคุณหมอกัน นพ. รัฐรุจน์ บารมีไชยภัสร์ แพทย์ผู้ชำนาญด้านศัลยกรรมความงามและการปรับรูปหน้าระดับนานาชาติ ประสบการณ์กว่า 20 ปี โดดเด่นในหลากหลายหัตถการ เช่น เสริมจมูกโอเพ่น , ทำตาสองชั้น , ดึงหน้า , เสริมหน้าอก , ฉีดฟิลเลอร์ และอื่นๆ
คุณหมอกันเป็นผู้บุกเบิกการทำจมูกเทคนิคโอเพ่นรายแรกๆ ในประเทศไทย และได้รับเชิญไปเป็นวิทยากรบรรยายด้านความงามหลายครั้งทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะเรื่องการแก้จมูก การทำจมูกเทคนิคโอเพ่น โดย YKJ Medical Center ได้รับรางวัลมากมาย อาทิเช่น
- “THE MOST TRUSTED OPEN TECHNIQUE RHINOPLASTY SPECIALIST 2023” คลินิกที่น่าเชื่อถือที่สุด ในการทำศัลยกรรมจมูกโอเพ่นในประเทศไทย จาก HELLO! MAGAZINE ประจำปี 2023
- “THE BEST OF OPEN RECONSTRUCTION RHINOPLASTY” คลินิกยืน 1 ด้านการแก้จมูก และทำจมูกจมูกด้วยเทคนิคโอเพ่น จากสุดสัปดาห์ ประจำปี 2022 – 2023 สองปีซ้อน
- “Customer High Recognition Award 2023” รางวัลคลินิกที่มียอดใช้ผลิตภัณฑ์ Galderma (Filler Restylane) สูงเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศ ประจำปี 2023
นอกจากคุณหมอกันแล้ว YKJ Medical Center ยังมีแพทย์มากประสบการณ์ท่านอื่นๆ ที่ล้วนแล้วแต่มีประสบการณ์มาอย่างยาวนาน สามารถมั่นใจได้เลยว่าเมื่อมาที่ YKJ Medical Center แล้ว จะได้รับมาตรฐานการดูแลรักษาที่ดี ในราคาที่คุ้มค่าอย่างแน่นอน
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
บทความ : 4 ข้อควรรู้ก่อน “อัพไซส์” ศัลยกรรมเสริมหน้าอก แบบมั่นใจ ต้องอ่าน!!
บทความ : เสริมหน้าอกใต้กล้ามเนื้อหรือเหนือกล้ามเนื้อ แตกต่างกันยังไง?
บทความ : คำถามพบบ่อยในการการเสริมหน้าอก