ฉีดฟิลเลอร์ (Filler) คืออะไร
ในทางการแพทย์ ฟิลเลอร์ (Filler) หมายถึง สารฉีดเติมเต็ม (Injectible Filler) ซึ่ง ในต่างประเทศมีหลายประเภท มีอะไรบ้างตามมาดูเลยกันครับ- HA (Hyaluronic Acid) จะเป็นฟิลเลอร์ที่นิยมและปลอดภัยที่สุด สามารถย่อยสลายได้ และสามารถฉีดใหม่ได้เรื่อยๆ มีใช้แพร่หลายทั่วโลก ก็คือ
- คอลลาเจน (Collagen) เป็นคอลลาเจนจากสัตว์ ในปัจจุบันไม่นิยมเท่าที่ควร เนื่องจากจะมีอาการแพ้ฟิลเลอร์ แพ้บวมแดงได้ง่าย
- เติมไขมัน (Transplanted Fat) เป็นเทคนิคที่เหมาะกับผู้ที่ต้องการเติมเต็มครั้งละจำนวนมาก ประมาณ 5 ซีซี ขึ้นไป
- Biosynthetic polymers หรือเป็นกลุ่มซิลิโคนเหลว เช่น Calcium hydroxylapatite, polymethylmethacrylate ซึ่งกลุ่มนี้จะเป็นฟิลเลอร์ชนิดที่สลายไม่หมด หรือที่รู้จักกันว่า ฟิลเลอร์ปลอม ไม่ปลอดภัย ไม่ผ่าน อย. จึงไม่แนะนำให้ใช้ครับ

แล้วฟิลเลอร์ที่ไม่ได้มาตรฐาน อยู่ได้นานแค่ไหน?
ฟิลเลอร์ที่ไม่ได้มาตรฐาน หรือฟิลเลอร์ปลอมนั้น จะหมายถึง ฟิลเลอร์ในประเภทที่ 4 คือ Biosynthetic polymers หรือกลุ่มซิลิโคนเหลว เป็นฟิลเลอร์ที่ราคาถูกไม่สามารถย่อยสลายได้ หรือย่อยสลายไม่หมดนั่นเอง อยู่ได้นานกว่า 5 ปี นอกจากนี้ยังรวมถึงฟิลเลอร์ในประเภทที่ 1 หรือฟิลเลอร์แท้แต่ไม่ได้มาตรฐาน ราคาถูก เนื่องจากนำเข้าแบบผิดกฎหมาย ไม่ผ่าน อย. ซึ่งคุณสมบัติไม่คงตัว และย่อยสลายเร็วกว่ามาตรฐานของฟิลเลอร์ทำไมต่างประเทศมองว่า “ฉีดฟิลเลอร์นั้นอันตราย”
ข่าวที่ว่า “ฉีดฟิลเลอร์ (Filler) แล้วหน้าพัง” จริงไหม?
จากที่ข่าวหรือสื่อต่างๆ ได้นำเสนอข่าวโดยยึดความหมายของ ฟิลเลอร์ ตามหลักของสากล ซึ่งก็จะไม่ตรงกับความหมายที่คนไทยเราส่วนใหญ่เข้าใจ จึงทำให้คนที่ไม่เข้าใจความหมายในส่วนนี้เข้าใจตามการพาดหัวข่าวของสื่อ ว่าฉีดฟิลเลอร์แล้วหน้าพัง ทั้งๆ ที่หากได้อ่านเนื้อความของข่าวจะเข้าใจว่า ฟิลเลอร์ที่ข่าวสื่อถึงนั้น คือฟิลเลอร์ที่ไม่ได้รับมาตรฐาน กลุ่มซิลิโคนเหลว หรือฟิลเลอร์ปลอมนั่นเองครับ หากจะพาดหัวข่าวให้คนไทยเข้าใจอย่างถูกต้องควรจะเขียนว่า ฉีดฟิลเลอร์ปลอมแล้วหน้าพัง แทนครับถึงจะถูกต้อง
อันตรายจากฉีดฟิลเลอร์ (Filler) มีอะไรบ้าง
หลายคนกังวลใจ และมีคำถามมากมายเกี่ยวกับ Filler ว่าอันตรายอย่างไรบ้าง มาดูกันครับ- เนื้อตาย เกิดจากการมีบางสิ่งไปอุดตันในเส้นเลือด (Necrosis) ส่งผลให้เส้นเลือดไม่สามารถไปหล่อ เลี้ยงเซลล์ได้หมอจะสามารถตรวจพบการอุดตันในเส้นเลือด จากการเปลี่ยนแปลงของสีผิวบริเวณที่ฉีดระหว่างที่ฉีดและหลังฉีด แต่หากเป็นฟิลเลอร์ HA ที่เป็นของแท้ ผ่านมาตรฐาน จะสามารถแก้ไขได้ทัน ด้วยการฉีดตัวยาไฮยาลูโรนิเดส (Hyaluronidase:HYAL) เพื่อสลายฟิลเลอร์ ทำให้รักษาเนื้อกลับคืนมาได้ 100 % เพราะฟิลเลอร์แท้สามารถสลายได้หมด ไม่มีตกค้างครับ
- ตาบอด (Blindness) เกิดจากการฉีดเข้าไป ในเส้นเลือดของใบหน้า ทำให้เกิดเส้นเลือดอุดตัน มักจะเกิดจากการใช้เข็มปลายแหลมฉีด การฉีดด้วยเข็มปลายทู่จะมีโอกาสน้อยมาก และถ้าโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ และใช้ Technic drow back ตลอดทุกจุด จะมีโอกาสเกิด 0 %
- การแพ้บวมแดง (Reaction,Granuloma) เกิดจากการฉีดฟิลเลอร์แล้วเป็นก้อนแข็ง เมื่อเวลาผ่านไป 3-5 ปี จึงจะมีอาการแพ้ บวมเกิดขึ้น ซึ่งเกิดขึ้นได้ในฟิลเลอร์ปลอมมากที่สุด
- อักเสบติดเชื้อ (Infection) เกิดจากการฉีดฟิลเลอร์ปลอมเข้าผิวหนัง หรืออยู่กับเทคนิคการฉีดของแพทย์แต่ละคลินิก จะพบได้บ่อยสุดในเคสที่ฉีดโดยหมอกระเป๋า หรือคลินิกเถื่อน
- เป็นก้อนแข็งบวม (Migration) เกิดเมื่อฉีดฟิลเลอร์ในปริมาณมาก 7-15 CC ซึ่งร่างกายไม่สามารถที่จะอุ้มไว้ได้หมด จึงไหลย้อย เป็นก้อนบวม แข็ง และย่อยสลายไม่หมด เพราะไม่สามารถย่อยสลายได้
- ห้อยย้อย (sagging) เกิดเมื่อฉีดฟิลเลอร์ปลอม เนื่องจากไม่สามารถสลายได้ อยู่ในร่างกายไปนานๆ จะดึง Smas ให้ตกลงมาได้
การฉีดฟิลเลอร์ที่ปลอดภัย และได้มาตรฐาน
การเลือกฉีดฟิลเลอร์ที่ปลอดภัย และได้มาตรฐาน นั่นคือ การเลือกใช้ Hyaluronic Acid (ฟิลเลอร์ประเภทที่ 1) เพราะสามารถย่อยสลายได้ในระยะ 12-18 เดือน อย. รับรองเรื่องความปลอดภัย ไม่เป็นอันตราย และที่สำคัญ คนไข้ควรศึกษาวิธีตรวจสอบฟิลเลอร์ HA (Hyaluronic Acid) แท้ที่ปลอดภัยก่อน
เพราะในปัจจุบันนี้ มีคลินิกจำนวนมากถูกตรวจสอบ และพบการใช้ฟิลเลอร์ปลอมที่ไม่ได้มาตรฐาน ราคาถูก นำเข้าแบบผิดกฎหมาย จึงควรตรวจสอบให้ดีก่อน เพื่อป้องกันอันตรายที่ตามมาครับ

ฉีดฟิลเลอร์ (Filler) HA เทคนิคไหนให้ปลอดภัย ไม่เป็นอันตราย
การเลือกใช้ฟิลเลอร์แท้ว่าสำคัญมากแล้ว เทคนิคที่แพทย์ใช้ในการฉีดฟิลเลอร์ก็สำคัญไม่น้อยไปกว่ากันเลยครับ จึงขออธิบายรายละเอียดเทคนิคการฉีดฟิลเลอร์เพื่อลดความกังวลใจของคนไข้ มาดูกันเลยครับ!!- สิ่งแรกต้องเลือกฟิลเลอร์แท้ คือ สาร Hyaluronic Acid (HA) เพราะสามารถย่อยสลายออกได้ทันที หากเกิดปัญหา ก็สามารถใช้ยาไฮยาลูโรนิเดส (Hyaluronidase:HYAL) ฉีดเพื่อสลายฟิลเลอร์ได้ทันที (แต่สำหรับประเภทที่ 2,3,4 นั้นยังไม่มียาตัวไหนที่ฉีดสลายออกได้)
- การเลือกใช้เข็มในการฉีดฟิลเลอร์ คือ เข็มทู่ แพทย์จะใช้ฉีดฟิลเลอร์ในชั้นเนื้อที่ตื้นขึ้นมา ไม่สามารถฉีดบริเวณผิดที่ติดกระดูก หรือผิวในชั้นไขมัน ส่วนเข็มแหลม แพทย์จะใช้ฉีดฟิลเลอร์ผิวบริเวณชิดกระดูก หรือผิวในชั้นลึกเท่านั้น แต่อย่างไรเพื่อลดความเสี่ยงการเข้าเส้นเลือด ก่อนจะมีการเรียนรู้เทคนิคการฉีดอย่างปลอดภัยแบบนี้นั้น หมอในยุคแรกๆ ประมาทเกินไปใช้เข็มทู่ในการฉีด เพราะคิดว่าจะไม่มีทางเข้าเส้นเลือดได้ จึงทำให้หลายเคสเกิดเนื้อตาย

- การใช้เข็มทู่ แม้จะเป็นเข็มทู่ก็ไม่สามารถหลบหลีกเส้นเลือดได้ 100% ต้องอาศัยเทคนิคการฉีดในข้อต่อๆ ไปช่วยเสริมด้วย ควรใช้ยาชาฉีดนำเข้าไปในบริเวณนั้นๆ ก่อน เพราะยาชาเป็นน้ำจะช่วยให้เส้นเลือดหดตัวเล็กมากทำให้โอกาสที่เข็มจะแทงโดยเส้นเลือดลดลง
- การดันยาเข้าสู่ผิว ทุกครั้งก่อนที่หมอจะดันยา หมอจะต้องทำการ drow back technic ทุกครั้งที่ขยับเข็ม แล้วค่อยเริ่มเดินยา
- การเลือกขนาดของเล็ก ขนาดของเข็มทู่และเข็มแหลมจะต้องไม่เล็กจนเกินไป ซึ่งขนาดที่เหมาะสมจะอยู่ที่ 22G-25G เพราะหากเลือกเข็มเล็กไปจะมีข้อเสียตามมา เช่น เสี่ยงในการแทงเข้าหลอดเลือด ในขณะที่ดูดเข็มเพื่อทดสอบ หากเข้าเส้นเลือดก็อาจจะไม่เจอเลือดออกมาผสมในเข็ม ขณะเดินยาจะต้องเพิ่มแรงดัน ซึ่งก็เพิ่มโอกาสเข้าเส้นเลือดได้ง่ายขึ้น

- ข้อสังเกตขณะเดินยา ในขณะที่เดินยาหมอจะดูปลายเข็มดูทุกครั้ง เพื่อตรวจสอบว่ามีฟิลเลอร์ออกจากปลายเข็มแล้วทำให้เนื้อยกขึ้น เต็มขึ้น หรือฟูขึ้น แสดงว่าฟิลเลอร์ไม่ได้เข้าเส้นเลือด นอกจากนี้จะคอยสังเกตุว่าสีผิวของคนไข้เปลี่ยนแปลงหรือไม่ เพราะถ้าฟิลเลอร์เข้าสู่เส้นเลือดสีผิวจะซีดหรือแดงภายในบริเวณนั้น จะสามารถแก้ไขได้ทันเวลา
- ปริมาณยาในแต่ละจุด การเดินยาในแต่ละจุด หมอจะค่อยๆ ฉีด เพื่อจะไม่ให้เกิดแรงดันที่มากเกินไป และฉีดแต่ละจุดในปริมาณที่น้อยๆ ด้วย Technic Microdrop เพื่อให้ฟิลเลอร์เรียงอยู่บนผิวหน้าของเราได้อย่างละเอียด เรียบเนียน กลมกลืนไปกับผิวหน้าดูเป็นธรรมชาติ และหากมีสิ่งผิดปกติ แทบจะยังไม่กระจายไปไหน ก็สามารถแก้ไขได้ก่อน
- ความใส่ใจของคุณหมอ การฉีดทุกครั้ง จะต้องคอยถามคนไข้เสมอว่า มีอาการเจ็บไหม เพื่อป้องกันการเข้าเส้นเลือดอีกวิธีหนึ่ง และการฉีดมือเบาๆ ครับ
YKJ Medical Center (ชื่อเดิม “ธีระธรฌ์คลินิก”) ก่อตั้งโดยคุณหมอกัน นพ. รัฐรุจน์ บารมีไชยภัสร์ แพทย์ผู้ชำนาญด้านศัลยกรรมความงามและการปรับรูปหน้าระดับนานาชาติ ประสบการณ์กว่า 20 ปี โดดเด่นในหลากหลายหัตถการ เช่น เสริมจมูกโอเพ่น , ทำตาสองชั้น , ดึงหน้า , เสริมหน้าอก , ฉีดฟิลเลอร์ และอื่นๆ
คุณหมอกันเป็นผู้บุกเบิกการทำจมูกเทคนิคโอเพ่นรายแรกๆ ในประเทศไทย และได้รับเชิญไปเป็นวิทยากรบรรยายด้านความงามหลายครั้งทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะเรื่องการแก้จมูก การทำจมูกเทคนิคโอเพ่น โดย YKJ Medical Center ได้รับรางวัลมากมาย อาทิเช่น
- “THE MOST TRUSTED OPEN TECHNIQUE RHINOPLASTY SPECIALIST 2023” คลินิกที่น่าเชื่อถือที่สุด ในการทำศัลยกรรมจมูกโอเพ่นในประเทศไทย จาก HELLO! MAGAZINE ประจำปี 2023
- “THE BEST OF OPEN RECONSTRUCTION RHINOPLASTY” คลินิกยืน 1 ด้านการแก้จมูก และทำจมูกจมูกด้วยเทคนิคโอเพ่น จากสุดสัปดาห์ ประจำปี 2022 – 2023 สองปีซ้อน
- “Customer High Recognition Award 2023” รางวัลคลินิกที่มียอดใช้ผลิตภัณฑ์ Galderma (Filler Restylane) สูงเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศ ประจำปี 2023
นอกจากคุณหมอกันแล้ว YKJ Medical Center ยังมีแพทย์มากประสบการณ์ท่านอื่นๆ ที่ล้วนแล้วแต่มีประสบการณ์มาอย่างยาวนาน สามารถมั่นใจได้เลยว่าเมื่อมาที่ YKJ Medical Center แล้ว จะได้รับมาตรฐานการดูแลรักษาที่ดี ในราคาที่คุ้มค่าอย่างแน่นอน