ฝ้าเป็นอีกปัญหากวนใจของผู้หญิงสมัยนี้ ทำให้ใบหน้าไม่กระจ่างใส ถึงจะดูแลผิวพรรณบนใบหน้าดีขนาดไหน แต่ฝ้าก็ยังก่อกวนให้รำคาญใจอยู่ และก็ยากที่จะหายด้วย บางครั้งการรักษาแบบผิดวิธี ก็ทำให้เกิดฝ้าเพิ่มขึ้นกว่าเดิมอีก ดังนั้นเรื่อง “ฝ้า” จึงกลายเป็นเรื่องใหญ่ของสาวหลายคน วันนี้หมอจะมาให้ข้อมูลเกี่ยวกับฝ้า และรวบรวมวิธีการรักษาฝ้ายังไงให้เห็นผลมาฝากครับ
ฝ้าคืออะไร
ฝ้า (Melasma) คือ ปัญหาผิวหน้าชนิดหนึ่งที่เกิดจากการที่เซลล์เม็ดสีใต้ชั้นผิวหนัง หรือเม็ดสีเมลานินที่ทำงานผิดปกติ โดยส่วนใหญ่สาเหตุเกิดจากการรับรังสีอัลตราไวโอเลตจากแสงแดด หรือที่เรียกกันอีกอย่างว่าแสง UV มากเกินไปเป็นเวลานาน ทำให้เม็ดสีเมลลานินถูกผลิตออกมามากขึ้นเป็นลักษณะสีดำอมน้ำตาล เป็นแถบตามใบหน้า
ประเภทของฝ้า
1.ฝ้าตื้น (Epidermal type) เกิดขึ้นบริเวณชั้นหนังกำพร้า หรือ ผิวหนังชั้นนอก มีสีน้ำตาลเข้มไปจนถึงสีเทาดำ เกิดขึ้นได้ง่ายสามารถเห็นขอบเขตได้ชัดเจน และรักษาให้หายได้โดยใช้เวลาไม่นาน

3. ฝ้าเลือด (Vascular melasma) มีลักษณะเป็นสีแดงๆ คล้ายเส้นเลือดหรือ สีแดงปนน้ำตาล เกิดจากความผิดปกติของเลือดลมและการแปรเปลี่ยน ของฮอร์โมน ภายในร่างกาย สังเกตง่ายๆ คนที่เป็นฝ้าเลือดนั้นเวลาโดนแสงแดดจัดๆ หน้าจะแดงง่าย
ฝ้ามักเกิดในคนช่วงวัยไหน
โอกาสเกิดฝ้า จะเกิดกับผู้หญิงวัยกลางคนอายุประมาณ 30 – 40 ปี ที่สำคัญผู้หญิงมีโอกาสเป็นฝ้ามากกว่าผู้ชายถึง 9 เท่า
สาเหตุการเกิดฝ้า
1. แสงแดด เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดฝ้ามากที่สุด มีทั้งแสง UV UVR และ Visible light เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดฝ้า โดยแสง UV จะมีมากในช่วงเวลา 10.00-14.00 น.
2. ฮอร์โมน เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย เช่น การตั้งครรภ์ วัยหมดประจำเดือน หรือการที่ร่างกายรับฮอร์โมนเข้ามาจากภายนอกร่างกาย เช่น การรับประทานยาคุมกำเนิด เป็นต้น
3. เครื่องสำอาง เป็นปัญหาตัวการของสาวๆ หลายคน ที่พบเจอกับเครื่องสำอางที่ไม่ได้มาตรฐาน เกิดการแพ้เครื่องสำอาง และสิ่งที่ตามมาคือ อาจทำให้เกิดฝ้า รอยดำได้
4. พันธุกรรม เชื่อกันว่าเกิดจากกรรมพันธุ์ได้ถึงร้อยละ 30-50 แต่ปัจจุบันยังไม่สามารถหายีนที่ควบคุมการเกิดฝ้าได้
วิธีการรักษาฝ้าให้ได้ผลดี
1.ทาครีมกันแดด วิธีเบื้องต้นที่จะช่วยป้องกันฝ้าได้ดีที่สุดเลย ก็คือ เลี่ยงการเจอแสงแดดโดยตรง โดยการทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF50 PA+++ ก่อนออกจากบ้าน 15-30 นาที และทาซ้ำทุกๆ 2 ชั่วโมง จะช่วยป้องกันรังสี UVA/UVB ไม่ให้เข้ามาทำร้ายผิวจนเป็นรอยฝ้าได้ ต้นเหตุส่วนใหญ่ของการเกิดฝ้า ก็คือรังสี UV ที่ส่งคลื่นรังสีซึมลึกถึงชั้นเซลล์ผิว ทำให้เมลานินก่อตัวเพื่อป้องกันแดด หากไม่ทาครีมกันแดด เมลานินก็จะก่อตัวมากยิ่งขึ้น จนเป็นรอยฝ้าอย่างที่เห็นครับ
2. หลีกเลี่ยงครีมที่ไม่ได้มาตรฐาน ครีมมากมายที่มีคำโฆษณาชวนเชื่อว่า “รักษา-กำจัดฝ้าหายภายใน 3 วัน”, “ผิวขาวขึ้นตั้งแต่ครั้งแรกที่ใช้” ครีมเหล่านี้มักมีสารเคมีทำร้ายผิวอย่าง ไฮโดรคิวโนน และปรอท สำหรับการใช้ครั้งแรกเห็นผลจริง แต่เมื่อหยุดใช้สิ่งตามมา คือ สิวเห่อ และฝ้าลึก ต้องเสียค่ารักษาแพงกว่าที่คุณเลือกใช้ครีมที่ปลอดภัยเสียอีก
2. ปรึกษาแพทย์ หากการรักษาเบื้องต้นยังไม่ดีขึ้น ควรปรึกษาแพทย์ผู้ชำนาญด้านผิวหนัง เพื่อรับยา และการดูแลโดยตรงจากแพทย์ และขอคำปรึกษา คอยดูแลตัวเองอย่างถูกวิธีเป็นประจำ เพื่อไม่ให้ฝ้าฝังลึกมากกว่าเดิม
3. ยิงเลเซอร์ ในปัจจุบันมีเลเซอร์ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นมาให้มีคุณสมบัติสามารถรักษาฝ้าได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น นั่นก็คือ Pico Laser เป็นเลเซอร์รุ่นที่รักษาได้ค่อนข้างมีประสิทธิภาพ และได้ผลลัพธ์ที่ดีมากกว่ารุ่นก่อนๆ ใช้ระยะเวลารักษาน้อยกว่าแบบอื่น อีกทั้งช่วยกระตุ้นคอลลาเจนอีกด้วย
4. ฉีด Meso Arbutin เป็นอีกวิธีหนึ่งที่สามารถรักษากระ ฝ้า จุดด่างดำได้ เพราะ Meso Therapy มีตัวยาสูตรเฉพาะเข้มข้นที่เรียกว่า Alpha-Arbutin ในปริมาณที่เหมาะสมผสมอยู่ สามารถช่วยกระตุ้นให้ผิวยับยั้งการผลิตเม็ดสีเมลานินตั้งแต่ต้นทาง ลดการสร้างเม็ดสีที่แตกต่างบนผิวหนังช่วยลดความหมองคล้ำ ลดเลือนจุดด่างดำ และปื้นฝ้า กระ จุดด่างดำบนใบหน้า เป็นการฉีดตัวยาเข้าไปในชั้นใต้ผิวหนังของคนไข้โดยตรง ยาสามารถซึมเข้าสู่ผิวได้ทันที
รู้วิธีการรักษาแล้ว อย่าหลงใช้วิธีผิดๆ กันครับ เพราะอาจจะทำให้ได้ผลเสียมากกว่าผลดี หรือหน้าเป็นฝ้าหนักกว่าเดิม
YKJ Medical Center (ชื่อเดิม “ธีระธรฌ์คลินิก”) ก่อตั้งโดยคุณหมอกัน นพ. รัฐรุจน์ บารมีไชยภัสร์ แพทย์ผู้ชำนาญด้านศัลยกรรมความงามและการปรับรูปหน้าระดับนานาชาติ ประสบการณ์กว่า 20 ปี โดดเด่นในหลากหลายหัตถการ เช่น เสริมจมูกโอเพ่น , ทำตาสองชั้น , ดึงหน้า , เสริมหน้าอก , ฉีดฟิลเลอร์ และอื่นๆ
คุณหมอกันเป็นผู้บุกเบิกการทำจมูกเทคนิคโอเพ่นรายแรกๆ ในประเทศไทย และได้รับเชิญไปเป็นวิทยากรบรรยายด้านความงามหลายครั้งทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะเรื่องการแก้จมูก การทำจมูกเทคนิคโอเพ่น โดย YKJ Medical Center ได้รับรางวัลมากมาย อาทิเช่น
- “THE MOST TRUSTED OPEN TECHNIQUE RHINOPLASTY SPECIALIST 2023” คลินิกที่น่าเชื่อถือที่สุด ในการทำศัลยกรรมจมูกโอเพ่นในประเทศไทย จาก HELLO! MAGAZINE ประจำปี 2023
- “THE BEST OF OPEN RECONSTRUCTION RHINOPLASTY” คลินิกยืน 1 ด้านการแก้จมูก และทำจมูกจมูกด้วยเทคนิคโอเพ่น จากสุดสัปดาห์ ประจำปี 2022 – 2023 สองปีซ้อน
- “Customer High Recognition Award 2023” รางวัลคลินิกที่มียอดใช้ผลิตภัณฑ์ Galderma (Filler Restylane) สูงเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศ ประจำปี 2023
นอกจากคุณหมอกันแล้ว YKJ Medical Center ยังมีแพทย์มากประสบการณ์ท่านอื่นๆ ที่ล้วนแล้วแต่มีประสบการณ์มาอย่างยาวนาน สามารถมั่นใจได้เลยว่าเมื่อมาที่ YKJ Medical Center แล้ว จะได้รับมาตรฐานการดูแลรักษาที่ดี ในราคาที่คุ้มค่าอย่างแน่นอน