หลายคนสงสัยว่าเจ้าสิวอุดตันนั้นมันเกิดขึ้นมาได้อย่างไร เป็นเพราะเราสกปรกเกินไปอย่างนั้นหรือ จริงๆ แล้วเจ้าสิวอุดตันนั้นมีสาเหตุมาจากต่อมไขมันทำการสร้างน้ำมันมากเกินไปนั่นเอง แล้วเราจะรักษาสิวได้ยังไง สิ่งที่ควบคุมการผลิตน้ำมันบนใบหน้าก็คือ ฮอร์โมนแอนโดรเจน(androgen)เมื่อเจ้าต่อมนี้ผลิตน้ำมันออกมาเยอะจนเหลือใช้แล้วตกค้างอยู่ในรูขุมขน มันก็จะไปรวมตัวกับเซลล์ผิวที่ตายแล้ว เหตุนี้เองจึงทำให้น้ำมันนั้นข้นหนืดจนระบายออกไปไม่ได้ แต่ส่วนที่ระบายออกมาได้เราก็จะสังเกตได้ด้วยตาเปล่าเลยว่าหน้าจะมันแผล็บหรือเยิ้มไปด้วยน้ำมัน แล้วเวลาที่หน้ามันมาก ๆ จึงทำให้บางคนหันมาใช้กระดาษซับมันซับหน้าทั้งวัน เพราะคิดว่าเป็นการแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุดที่จะช่วยกำจัดความมันออกไปได้ แต่รู้มั้ยว่าการทำแบบนี้จะยิ่งเป็นการกระตุ้นให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันออกมามากขึ้น ถ้าเลี่ยงได้ก็ขอให้เลี่ยงครับ
ถ้าพูดถึงฮอร์โมน เราจะไปโทษฮอร์โมนอย่างเดียวก็ดูจะไม่เป็นธรรมนัก เพราะนอกจากสาเหตุนี้ที่ทำให้เกิดสิวอุดตันแล้ว ก็ยังมีเรื่องอื่นๆ อีก ที่อาจเป็นสาเหตุทำให้เกิดสิวอุดตันขึ้นมาได้ เช่น เรื่องของความเครียด ฮอร์โมนเปลี่ยนแปลงในช่วงใกล้หมดประจำเดือน การแพ้เครื่องสำอาง ปัญหาผิวแพ้ง่าย การล้างหน้าไม่สะอาด จากยาสเตียรอยด์ หรือรับประทานยา Prednislone เป็นประจำ
วิธีดูแลผิวหน้า รักษาสิว
1.วิธีล้างหน้า
การล้างหน้าที่ถูกต้องช่วยลดการเกิดสิวได้จริง เพราะขนทำองศากับผิว การลูบหน้าขณะล้างหน้าควรไปในทิศทางกับขนจะทำให้ไม่มีสิ่งแปลกปลอมไปอุดตันผิว
2.การรับประทานของหวาน
การรับประทานของหวานบ่อยๆหรือปริมาณมากๆจะทำให้ร่างกายเกิดความเครียด เพราะว่าจำเป็นต้องเร่งการใช้พลังงานและเก็บสะสม จึงทำให้เกิดภาวะฮอร์โมนแปรปรวน ทำให้สิวขึ้น
3.ภาวะความเครียดทำให้สิวขึ้น
ภาวะความเครียดทำให้ฮอร์โมนที่เกี่ยวกับความเครียดหลั่งสูงมากขึ้น ทำให้ฮอร์โมนของร่างกายแปรปรวน
4.การรักษาสิว
การรักษาสิวขึ้นกับชนิดของสิว และความรุนแรงของสิว การเลือกใช้ยาก็เช่นเดียวกัน การรักษาสิวจะต้องใช้เวลาอย่างน้อยประมาณ 6 สัปดาห์จึงจะบอกว่าไม่ได้ผล
5.ยาทารักษาสิว
- ยาทารักษาสิวจะทาบริเวณที่เกิดสิว มิใช่ทาเฉพาะหัวสิว หากเป็นบริเวณกว่างก็อาจจะจำเป็นต้องใช้ยารับประทาน
- Salicylic acid 10% is similar in action to retinoids.
- Azelaic acid มีการระคายเคืองน้อย แต่อาจจะทำให้เกิดผิวสีเปลี่ยนบริเวณที่ทา
- สำหรับผู้ที่เป็นสิวมีหนองเล็กน้อยอาจจะใช้ยาbenzoyl peroxideซึ่งจะลดการสร้างไขมัน และยับยั้งการเจริญของเชื้อแบคทีเรีย
- ยาทาปฏิชีวนะ ได้แก่ erythromycin, clindamycin และ tetracycline ใช้ยาเป็นเวลานานอาจจะเกิดเชื้อดื้อยาจึงต้องผสมกับยา benzoyl peroxide เพื่อลดอาการดื้อยา
- ยาทา retinoids: ได้แก่ยา isotretinoin, tretinoin or adapalene จะลดการเกิดสิว และลดการเกิดอักเสบ ระหว่างการใช้ยานี้ห้ามออกไปตากแดดเพราะจะทำให้เกิดการระคายเคือง Adapalene เป็นยาที่มีการระคายเคืองน้อยที่สุด แม้ว่าการดูดซึมจะน้อยแต่ก็ไม่ควรใช้ในคนท้อง
6.ยารับประทานรักษาสิว
- การใช้ยารับประทานเพื่อรักษาสิวจะต้องใช้เวลาหลายเดือนจึงจะได้ผล ดังนั้นจะต้องรับประทานยาอย่างน้อย 3 -4 เดือนจึงจะเห็นผล
- สามารถที่จะใช้ยารับประทานรักษาสิวร่วมกับยาทารักษาสิว
- ผู้ที่มีผิวคล้ำควรจะได้รับยารับประทานให้เร็วเพราะเมื่อสิวหายจะเกิดจุดดำบริเวณที่สิวเกิด
- ยาปฏิชีวนะยาปฏิชีวนะชนิดรับประทาน ได้แก่ยา erythromycin,Tetracyclines ยาปฏิชีวนะจะให้กับผู้ที่เป็นสิวรุนแรงปานกลางถึงรุนแรงมากจะให้ระยะเวลาไม่เกิน 3-4 เดือนเพื่อลดการดื้อยา หลังจากสิวดีขึ้นจะลดการใช้ยาปฏิชีวนะชนิดรับประทาน และใช้ชนิดทาแทน
- ยารับประทานปฏิชีวนะจะได้ผลดีในสิวที่เป็นหนอง
- ยาปฏิชีวนะที่ใช้บ่อยคือ doxycycline minocycline Clindamycin
- ยาฮอร์โมน โดยการรับประทานยาคุมกำเนิดก็สามารถรักษาสิวได้ oral contraceptive
- ยาคุมกำเนิดที่มีส่วนผสมของ norethisterone ไม่ควรจะใช้เนื่องจากมีฤทธิ์ของ androgenic
7.Spironolactone ได้ผลดีสำหรับผู้สูงอายุ
Oral isotretinoin ยาอนุพันธ์ของวิตามินเอ Isotretinoin ใช้รักษาสิวชนิดรุนแรงที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยวิธีปกติ การใช้ยานี้จะต้องอยู่ในการดูแลของแพทย์ผิวหนังโดยใกล้ชิดเนื่องจากมีผลข้างของยามาก และอาจจะทำให้ทารกเกิดมาพิการหากได้ยานี้ในระหว่างการตั้งครรภ์ ยา retinoid isotretinoin จะลดการสร้างไขมัน การรักษาด้วยยานี้จะต้องติดตามโดยใกล้ชิดเนื่องจากยานี้มีผลข้างเคียง อาการข้างเคียงที่สำคัญคือ ผิว ริมฝีปาก และตาแห้ง ไขมันในเลือดสูง ปวดกล้ามเนื้อเวลาออกกำลังกาย อาจจะทำให้ทารกพิการแต่กำเนิดจึงไม่ควรให้กับคนตั้งครรภ์ ดังนั้นจะต้องคุมกำเนิดระหว่างที่รับประทานยานี้ ผู้ที่รับยานี้อาจจะมีอาการซึมเศร้า อารมณ์แปรปรวน มีความคิดจะทำร้ายตัวเอง
8.การรักษาสิวโดยไม่ใช้ยา
- comedone extractor การใช้เครื่องมือเพื่อกดหัวสิว ใช้กับสิวหัวดำ และสิวหัวขาว
- chemical peels การใช้ครีมลอกหน้าเพื่อลอกเอาผิวส่วนหน้าออก และมีเซลล์ใหม่แทนที่เซลล์เดิม
- การใช้ Laser และแสง light therapy การใช้ Laser และ lightเป็นการรักษาที่ชั้นลึกของผิวหนังโดยที่ไม่ทำลายส่วนบนของผิวหนัง โดยเชื่อว่าจะทำให้ต่อมไขมันสร้างไขมันลดลง สำหรับการใช้แสงเพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรียซึ่งเป็นสาเหตุของการอักเสบ
- การลอกผิวเช่นการใช้สารเคมี หรือการขัดผิว microdermabrasion ซึ่งใช้ในการลบรอยย่น ตีนกา หรือแผลเป็นเล็กๆ ก็สามารถนำมาใช้รักษาสิวได้
ทางธีระธรฌ์คลินิก มีความห่วงใยสุขภาพและการดูแลตัวเองอย่างสม่ำเสมอ เพราะความงาม ต้องให้ ”ผู้ชำนาญ” ดูแล
YKJ Medical Center (ชื่อเดิม “ธีระธรฌ์คลินิก”) ก่อตั้งโดยคุณหมอกัน นพ. รัฐรุจน์ บารมีไชยภัสร์ แพทย์ผู้ชำนาญด้านศัลยกรรมความงามและการปรับรูปหน้าระดับนานาชาติ ประสบการณ์กว่า 20 ปี โดดเด่นในหลากหลายหัตถการ เช่น เสริมจมูกโอเพ่น , ทำตาสองชั้น , ดึงหน้า , เสริมหน้าอก , ฉีดฟิลเลอร์ และอื่นๆ
คุณหมอกันเป็นผู้บุกเบิกการทำจมูกเทคนิคโอเพ่นรายแรกๆ ในประเทศไทย และได้รับเชิญไปเป็นวิทยากรบรรยายด้านความงามหลายครั้งทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะเรื่องการแก้จมูก การทำจมูกเทคนิคโอเพ่น โดย YKJ Medical Center ได้รับรางวัลมากมาย อาทิเช่น
- “THE MOST TRUSTED OPEN TECHNIQUE RHINOPLASTY SPECIALIST 2023” คลินิกที่น่าเชื่อถือที่สุด ในการทำศัลยกรรมจมูกโอเพ่นในประเทศไทย จาก HELLO! MAGAZINE ประจำปี 2023
- “THE BEST OF OPEN RECONSTRUCTION RHINOPLASTY” คลินิกยืน 1 ด้านการแก้จมูก และทำจมูกจมูกด้วยเทคนิคโอเพ่น จากสุดสัปดาห์ ประจำปี 2022 – 2023 สองปีซ้อน
- “Customer High Recognition Award 2023” รางวัลคลินิกที่มียอดใช้ผลิตภัณฑ์ Galderma (Filler Restylane) สูงเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศ ประจำปี 2023
นอกจากคุณหมอกันแล้ว YKJ Medical Center ยังมีแพทย์มากประสบการณ์ท่านอื่นๆ ที่ล้วนแล้วแต่มีประสบการณ์มาอย่างยาวนาน สามารถมั่นใจได้เลยว่าเมื่อมาที่ YKJ Medical Center แล้ว จะได้รับมาตรฐานการดูแลรักษาที่ดี ในราคาที่คุ้มค่าอย่างแน่นอน
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
บทความ : สยบปัญหาหลุมสิว ให้จบครบในที่เดียว
บทความ : ปลดล็อค “หน้าฝ้า” เปลี่ยนเป็น “หน้าใส”
บทความ : Skin Booster คืออะไร? ช่วยอะไรได้บ้าง?