ฉีดสลายพังผืด คาง คือเนื้อเยื่อที่ร่างกายของคนเรานั้นสร้างขึ้นมา โดยจุดประสงค์ก็คือเพื่อห่อหุ้มสิ่งแปลกปลอมที่เข้ามาอยู่ในร่างกาย ซึ่งที่จริงแล้ว พังผืด คือเนื้อเยื่อ คลอลาเจนถือเป็นเนื้อเยื่อปกติของเรานั่นเองครับ อย่างไรก็ดี ฟังดูแล้วอาจไม่รุนแรงเท่าไหร่ ซึ่งแท้จริงแล้วผิดถนัดเลยครับ เพราะแม้ว่าพังผืดจะเกิดจากกระบวนการจากร่างกายเราก็ตาม แต่ก็สามารถทำให้คางเกิดการบิดเบี้ยว ผิดรูป และอาจเกิดการอักเสบได้ในที่สุดเลยทีเดียว ดังนั้นการนำพังผืดที่คางออกจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุดครับ
ฉีดสลายพังผืด คาง เจ็บไหม หลังการฉีดดูแลยากหรือเปล่า?
พังผืด คือ เนื้อเยื่อที่ร่างกายสร้างขึ้นเพื่อซ่อมแซมเนื้อเยื่ออวัยวะต่างๆของร่างกายที่เสียหายฉีกขาด เป็นแผล และอักเสบ การผ่าตัดศัลยกรรมความงามทุกประเภทจึงเป็นหนึ่งในต้นเหตุหลักที่เสี่ยงต่อการเกิดพังผืดขึ้นผิดปกติ โดยเฉพาะการทำศัลยกรรมความงามที่ต้องสอดใส่หรือฉีดสิ่งแปลกปลอมเข้าไปภายในร่างกาย เช่น การเสริมหน้าอก เสริมจมูก เสริมคาง ฯลฯ นอกจากร่างกายจะสร้างพังผืดขึ้นเพื่อซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่ฉีกขาด เป็นแผล และอักเสบแล้ว ร่างกายยังต้องสร้างพังผืดขึ้นเพื่อคลุมยึดสิ่งแปลกปลอมที่สอดใส่หรือฉีดเข้าไปให้อยู่กับที่ไม่ให้เคลื่อนไปมาอีกด้วย
พังผืดก่อปัญหาได้อย่างไรหลังผ่าตัดศัลยกรรมความงาม?
พังผืด จะก่อปัญหาเมื่อร่างกายสร้างพังผืดขึ้นตลอดเวลาไม่หยุด ทำให้พังผืดหนานูนขึ้นเรื่อยๆจนทำให้บริเวณที่ผ่าตัดศัลยกรรมเกิดเป็นแผลเป็นคีลอยด์ในกระณีเป็นการผ่่าตัดศัลยกรรมแบบไม่ได้สอดใส่หรือฉีดสิ่งแปลกปลอมเข้าไปภายในร่างกาย ส่วนกรณีที่ผ่่าตัดศัลยกรรมแบบสอดใส่หรือฉีดสิ่งแปลกปลอมเข้าไปภายในร่างกาย นอกจากจะเสี่ยงต่อการเกิดพังผืดแผลเป็นคีลอยด์แล้ว ยังเสี่ยงต่อการเกิดพังผืดหนาแข็งตึงที่ร่างกายสร้างขึ้นเพื่อคลุมยึดสิ่งแปลกปลอมที่สอดใส่หรือฉีดเข้าไปจนทำให้หน้าอก จมูก คาง ฯลฯ ที่เสริมเกิดสภาพบวมตึงและผิดรูปบิดเบี้ยวอีกด้วย
“พังผืด” จากการฉีดฟิลเลอร์ที่คาง
ต้องบอกก่อนครับว่า แท้จริงแล้วการฉีดฟิลเลอร์นั้นไม่ได้มีอันตรายใดๆ หากฟิลเลอร์ที่ฉีดเป็นตัวที่ได้มาตรฐาน ซึ่งคนไข้ท่านใดที่กำลังกังวลว่าตนเองก็ฉีดฟิลเลอร์ที่คาง แล้วจะเกิดพังผืดกับตนเองหรือไม่ ก็ต้องดูตามเหตุผลจากที่กล่าวไปครับว่าฟิลเลอร์ที่ฉีด ได้มาตรฐานมากน้อยแค่ไหน คนไข้ส่วนใหญ่ที่ตกเป็นเหยื่อของปัญหาเหล่านี้มักถูกล่อลวงจากหมอกระเป๋าด้วยราคาที่ถูกกว่าคลินิคทั่วไป จึงทำให้เกิดปัญหาต่างๆ ตามมา โดยถือว่าพังผืดเป็นเพียงแค่เริ่มต้นเท่านั้นครับ อาจจะมีปัญหาอื่นๆ ตามมาอีก อย่างไรก็ดี สำหรับคนไข้ที่เข้ารับการผ่าตัดเสริมคางด้วยซิลิโคนจะไม่มีภาวะเป็นพังผืดหลังการผ่าตัด หากปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด แพทย์อาจจะแนะนำให้นวดคางหลังผ่าตัด เพื่อลดอาการแข็งตึงของคางเท่านั้นครับ
ฉีดสารแปลกปลอม อันตรายอย่างไร?
สารแปลกปลอมที่ไม่ได้มาตรฐานที่ถูกฉีดเข้าสู่ร่างกายที่มักพบได้บ่อย คือ พาราฟิน น้ำมันมะกอก น้ำมันพืชบางชนิด หรือแม้กระทั่งสารฮิตติดหูอย่าง “ฉีดไบโอ” ซึ่งเป็นซิลิโคนเหลวชนิดหนึ่งที่ไม่มีการสลายตัว และเป็นสารสังเคราะห์ที่ไม่ได้มาตรฐาน ซึ่งบริเวณที่นิยมฉีดกันก็จะมีตั้งแต่ ฉีดเสริมจมูก ฉีดเสริมคาง ฉีดเสริมหน้าผาก ฉีดแก้ม ฉีดขมับ ฯลฯ เมื่อฉีดสารพวกนี้ไปร่างกายเราอาจมีปฏิกิริยาต่อต้าน หรืออาจแพ้ ผิวหนังที่ฉีดสารแปลกปลอมจะกลายเป็นก้อนแข็ง เกิดพังผืด บวมผิดรูป ผิวตะปุ่มตะป่ำ อักเสบติดเชื้อ และเกิดการไหล อย่างบริเวณคาง นานวันสารแปลกปลอมจะไหลไปรวมกันจนทำให้เหมือนคางแม่มด ซึ่งการรักษาแก้ไขนั้นยากกว่าเสริมใหม่เสียอีก จึงจำเป็นจะต้องอาศัยความชำนาญของแพทย์เฉพาะทาง ที่สามารถแก้ไขเลาะสารออก เพื่อเตรียมการรักษาแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นหลังฉีดต่อไป
แนวทางการแก้ไขปัญหาพังผืดที่คางจากการฉีดฟิลเลอร์
ทางเดียวที่จะรักษาพังผืดที่คางได้นั้น คนไข้ต้องทำการนำฟิลเลอร์ออกครับ เนื่องจากเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดปัญหาต่างๆ ขึ้นนั่นเอง โดยวิธีการรักษาประกอบด้วย
การขูดหรือผ่าตัดเลาะ สารเหลวที่คาง
เป็นอีกวิธีหนึ่งซึ่งสามารถเอาสารแปลกปลอมออกจากร่างกายได้ คนไข้ทั่วไปยังเข้าใจผิด ใช้คำว่าขูด โดยปกติสารเหล่านี้เมื่อแข็งตัวแล้วไม่สามารถขูดได้ ซึ่งต้องทำโดยการผ่าตัดเลาะสารแปลกปลอมออก ตำแหน่งที่นิยมผ่าตัดเลาะออกทำได้ตั้งแต่หน้าผาก เปลือกตาบน เปลือกตาล่าง จมูก ริมฝีปาก และคาง หรือพื้นที่อื่นๆ ซึ่งแพทย์ต้องตรวจดูก่อน ซึ่งขนาดของแผลผ่าตัดขึ้นอยู่กับขนาดของปัญหาในบริเวณนั้นๆ
การฉีดสลาย
สำหรับฟิลเลอร์ที่ถูกต้องตามมาตรฐาน อย.เท่านั้น หากฟิลเลอร์คางสลายหมดแล้ว จะเป็นการแก้ไขนำพังผืดที่เกิดมาแทนที่ฟิลเลอร์ที่เคยอยู่ออกไปเท่านั้น จึงมีความแตกต่างกับท่านที่เสริมคางครั้งแรกเพียงแค่จะเกิดการระบมจากการขูดได้มากกว่า หรือเข้าทรงช้ากว่าเท่านั้น
การเจาะดูด
นับว่าเป็นการผ่าตัดอีกวิธีหนึ่ง ที่เอาสารแปลกปลอมออกจากร่างกายโดยเทคนิคเหมือนกับการดูดไขมัน แต่การเจาะหรือดูดบริเวณใบหน้านั้นต้องทำโดยแพทย์ผู้ชำนาญ เพราะมีความเสี่ยงระดับหนึ่งเกี่ยวกับเส้นประสาทใบหน้าได้ เช่น ภาวะปากเบี้ยว ยักคิ้วไม่ขึ้น ซึ่งคนไข้ต้องเข้าใจและยอมรับความเสี่ยงเหล่านี้ได้ แพทย์ถึงจะทำการผ่าตัดให้ โดยปกติการเอาสารเหล่านี้ออกได้มากหรือน้อยเพียงใด แพทย์ไม่สามารถประเมินได้ชัดเจน เพียงบอกได้คร่าวๆ เท่านั้น ขึ้นอยู่กับสภาพของเนื้อเยื่อบริเวณนั้นว่าแข็งตัวมากน้อยเพียงใด
ขั้นตอนการรักษา
การผ่าตัดแก้ไขเอาซิลิโคนเหลวออกนั้น ขั้นตอนค่อนข้างมีความซับซ้อนและต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ จึงต้องอาศัยความชำนาญของแพทย์
- โดยแพทย์จะทำการผ่าตัดเลาะสารที่ฉีดในส่วนต่างๆ และระวังไม่ได้เกิดการทำลายเนื้อเยื่อ เส้นเลือด และเส้นประสาทโดยรอบ โดยมากใช้เวลาประมาณ 1-2 ชม. (ขึ้นอยู่กับความยากง่ายในแต่ละเคส)
- ในบางบริเวณที่ฉีดสารแปลกปลอมเข้าไป เมื่อเลาะออกแล้วอาจทำให้ผิวหนังบริเวณนั้นหย่อนคล้อยได้ เช่น แก้ม ซึ่งต้องมีการตกแต่งแก้ไขด้วยวิธีต่างๆ อย่างการผ่าตัดดึงหน้า (หรือวิธีอื่นตามคำแนะนำของแพทย์ ในภายหลัง
- ภายหลังการผ่าตัดเลาะซิลิโคนเหลวแล้ว หากคนไข้ต้องการศัลยกรรมเสริมใหม่ แพทย์จะแนะนำให้ใช้การเสริมด้วยซิลิโคนแบบแท่ง (ในกรณีเสริมจมูก คาง ฯลฯ) หรือถุงเต้านมเทียม (ในกรณีเสริมหน้าอกด้วยถุงซิลิโคนเจล) ซึ่งเป็นเกรดที่เป็นวัสดุทางการแพทย์ มีความปลอดภัยต่อร่างกาย
การดูแลหลังการนำฟิลเลอร์คางออก เพื่อรักษาพังผืด
หลังจากทำการนำฟิลเลอร์คางออกแล้ว ให้ปฏิบัติตามคำแนะนำนี้ เพื่อให้แผลหายไวมากขึ้น
- ในช่วง 2-3 วันแรกอาจจะมีอาการบวมหรือช้ำได้ ให้ทำการประคบเย็นบริเวณที่มีอาการบวม หลังจากนั้นผ่านไปประมาณ 1-2 สัปดาห์จะเริ่มเข้าที่
- พยายามอย่าไปจับ แคะ แกะ หรือเกาบริเวณที่ทำการขูดฟิลเลอร์ออก
- งดสูบบุหรี่ และดื่มแอลกอฮอล์ประมาณ 1-2 เดือน
- ทานยาปฏิชีวนะตามที่แพทย์สั่งให้ครบถ้วน
- เข้าพบแพทย์ตามใบนัดหมาย
อย่างไรก็ดี ไม่ว่าจะเป็น ฉีดสลายพังผืด คาง หรือการรักษาพังผืดที่เกิดจากสารเหลวที่คางเช่นนี้ด้วยวิธีใดก็ตาม จะต้องทำโดยแพทย์ผู้ชำนาญด้านศัลยกรรมเนื่องจากสารเหล่านี้จะเกิดการรวมตัวจับเนื้อเยื่อและผิวหนังและกระจายไปทั่วๆ การรักษาก็ขึ้นอยู่กับอาการของผู้ป่วยที่มาปรึกษาแพทย์ และการตกลงกันในวิธีรักษาของแพทย์กับผู้คนไข้เพื่อให้มีความปลอดภัยอย่างสูงสุด เนื่องจากบริเวณคางนั้นเป็นจุดรวมของเส้นประสาทหลายๆ จุดครับ ดังนั้น หากไม่ให้ให้มีเหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้น คนไข้ควรเข้าพบแพทย์ผู้ชำนาญจะดีที่สุด
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
Q&A – 7 คำถามยอดฮิตที่คนอยาก”ทำคาง”ต้องรู้
YKJ Medical Center (ชื่อเดิม “ธีระธรฌ์คลินิก”) ก่อตั้งโดยคุณหมอกัน นพ. รัฐรุจน์ บารมีไชยภัสร์ แพทย์ผู้ชำนาญด้านศัลยกรรมความงามและการปรับรูปหน้าระดับนานาชาติ ประสบการณ์กว่า 20 ปี โดดเด่นในหลากหลายหัตถการ เช่น เสริมจมูกโอเพ่น , ทำตาสองชั้น , ดึงหน้า , เสริมหน้าอก , ฉีดฟิลเลอร์ และอื่นๆ
คุณหมอกันเป็นผู้บุกเบิกการทำจมูกเทคนิคโอเพ่นรายแรกๆ ในประเทศไทย และได้รับเชิญไปเป็นวิทยากรบรรยายด้านความงามหลายครั้งทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะเรื่องการแก้จมูก การทำจมูกเทคนิคโอเพ่น โดย YKJ Medical Center ได้รับรางวัลมากมาย อาทิเช่น
- “THE MOST TRUSTED OPEN TECHNIQUE RHINOPLASTY SPECIALIST 2023” คลินิกที่น่าเชื่อถือที่สุด ในการทำศัลยกรรมจมูกโอเพ่นในประเทศไทย จาก HELLO! MAGAZINE ประจำปี 2023
- “THE BEST OF OPEN RECONSTRUCTION RHINOPLASTY” คลินิกยืน 1 ด้านการแก้จมูก และทำจมูกจมูกด้วยเทคนิคโอเพ่น จากสุดสัปดาห์ ประจำปี 2022 – 2023 สองปีซ้อน
- “Customer High Recognition Award 2023” รางวัลคลินิกที่มียอดใช้ผลิตภัณฑ์ Galderma (Filler Restylane) สูงเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศ ประจำปี 2023
นอกจากคุณหมอกันแล้ว YKJ Medical Center ยังมีแพทย์มากประสบการณ์ท่านอื่นๆ ที่ล้วนแล้วแต่มีประสบการณ์มาอย่างยาวนาน สามารถมั่นใจได้เลยว่าเมื่อมาที่ YKJ Medical Center แล้ว จะได้รับมาตรฐานการดูแลรักษาที่ดี ในราคาที่คุ้มค่าอย่างแน่นอน