หนึ่งในอันตรายจากการเสริมจมูกโดยคลินิกที่ไม่ได้มาตรฐานที่อาจส่งผลต่อคนไข้ในระยะยาวได้ก็คือสารเหลวนั่นเอง วันนี้ผมจะพามาทำความรู้จักกันว่าสารเหลวคืออะไร ทำไมถึงเป็นอันตรายต่อคนไข้ พร้อมแนะนำวิธีรักษาแก่ผู้ที่ถูกหลอกให้ฉีดสารเหลวที่จมูกจนเป็นอันตรายและเกิดปัญหาบนใบหน้าตามมา
สารเหลวคืออะไร อันตรายต่อคนไข้เสริมจมูกหรือไม่
สารเหลว หรือที่ใครหลายคนรู้จักกันในชื่อ ฟิลเลอร์ปลอม เป็นสารเติมเต็มที่ไม่สามารถสลายตัวได้เองตามธรรมชาติ ประกอบด้วยซิลิโคนเหลว, ฟิลเลอร์หมดอายุ, พาราฟิน, สารสังเคราะห์ (สารไบโอ), น้ำมันมะกอก หรือแม้แต่น้ำมันพืชบางชนิด โดยสารชนิดนี้นิยมกันในหมู่หมอกระเป๋าเนื่องจากมีราคาถูก เมื่อฉีดสารนี้เข้าสู่ร่างกายคนไข้ในระยะแรกจะเห็นได้ว่าผิวหนังบริเวณที่ฉีดเข้าไปจะเต่งตึง นูนออกมา หากฉีดที่จมูกก็ทำให้ดั้งโด่ง ดูโดดเด่น หรือหากฉีกบริเวณใบหน้า ก็ทำให้ใบหน้าดูเต่งตึง ดูอ่อนกว่าวัย แต่เนื่องจากซิลิโคนเหลวสลายเองไม่ได้เหมือนสารเติมเต็มชนิดอื่น แถมยังซึมตามเนื้อเยื่อของร่างกาย เมื่อปล่อยทิ้งไว้นานจะไม่สามารถผ่าตัดเอาออกจากร่างกายได้ทั้งหมด ทำได้เพียงบางส่วนที่ไม่เป็นอันตรายต่อเนื้อเยื่อเท่านั้น ได้แก่ หน้าผาก, ใต้ตา, จมูก, แก้มและคาง
อันตรายจากสารเหลว
- ซิลิโคนเหลวจะทำปฏิกิริยากับเซลล์ผิวในร่างกาย ทำให้ผิวหนังบริเวณนั้นแข็งเป็นก้อน ดูผิดรูป ไม่เรียบเนียน
- จมูกผิดรูปจากการติดเชื้อ หากไม่รีบแก้ไข อาจทำให้ผิวหนังจมูกถูกกัดเซาะจนเกิดเนื้อตาย
- หากสารเหลวเข้าสู่เส้นเลือดแดง อาจเกิดภาวะเส้นเลือดอุดตัน
- เสี่ยงต่อการอักเสบ สังเกตได้จากการบวมแดงและติดเชื้อ
- หากร้ายแรง อาจเสี่ยงต่อการเกิดเส้นเลือดอุดตันบริเวณลูกตา อาจทำให้ตาบอดได้
วิธีการรักษา
1. บีบหรือดูดออก
แพทย์จะใช้วิธีบีบหรือดูดเอาสารเหลวออก ซึ่งมีราคาไม่แพงหากเทียบกับค่าใช้จ่ายในการผ่าตัด แต่การรักษาประเภทนี้ไม่อาจนำซิลิโคนเหลวออกได้ทั้งหมด
2. ผ่าตัด
เนื่องจากซิลิโคนเหลวฝังตัวแน่น จึงไม่สามารถเอาออกให้หมด หากขูดเลาะออก อาจทำให้ผิวหนังบริเวณนั้นมีเนื้อบางลง อาจทำให้ใบหน้าผิดรูปตามมา ดังนั้นการผ่าตัดจึงเหมาะต่อการเอาสารเหลวออกมาที่สุด โดยมีขั้นตอนต่าง ๆ ดังนี้
- แพทย์จะผ่าตัดเพื่อเลาะสารเหลวในส่วนต่าง ๆ ทั้งนี้แพทย์จะระมัดระวังไม่ให้ทำลายเส้นเลือด, เนื้อเยื่อ และเส้นประสาทโดยรอบ ส่วนใหญ่จะใช้เวลารักษาประมาณ 1-2 ชม. (ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล)
- หากเลาะออกมาแล้วผิวหนังบริเวณนั้นหย่อนคล้อยลง จะต้องแก้ไขในภายหลังตามคำแนะนำของแพทย์
- หากคนไข้ต้องการศัลยกรรมเสริมจมูกอีกครั้ง แพทย์จะแนะนำให้เสริมซิลิโคนแบบแท่ง
แนะนำวิธีดูแลตัวเองหลังจากการรักษา
- พยายามไม่สัมผัสแผลหรือไม่ให้แผลถูกกระทบกระเทือน
- หลีกเลี่ยงไม่ให้แผลโดนน้ำหลังผ่าตัดเป็นเวลา 3 วัน
- หลังจากผ่าตัดแก้ไข คนไข้อาจมีอาการบวมนานประมาณ 2-3 สัปดาห์ ทั้งนี้ควรประคบอุ่นเพื่อบรรเทาอาการบวม
- ทานยาและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์
- หากเกิดอาการผิดปกติ ให้รีบพบแพทย์ทันที
YKJ Medical Center (ชื่อเดิม “ธีระธรฌ์คลินิก”) ก่อตั้งโดยคุณหมอกัน นพ. รัฐรุจน์ บารมีไชยภัสร์ แพทย์ผู้ชำนาญด้านศัลยกรรมความงามและการปรับรูปหน้าระดับนานาชาติ ประสบการณ์กว่า 20 ปี โดดเด่นในหลากหลายหัตถการ เช่น เสริมจมูกโอเพ่น , ทำตาสองชั้น , ดึงหน้า , เสริมหน้าอก , ฉีดฟิลเลอร์ และอื่นๆ
คุณหมอกันเป็นผู้บุกเบิกการทำจมูกเทคนิคโอเพ่นรายแรกๆ ในประเทศไทย และได้รับเชิญไปเป็นวิทยากรบรรยายด้านความงามหลายครั้งทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะเรื่องการแก้จมูก การทำจมูกเทคนิคโอเพ่น โดย YKJ Medical Center ได้รับรางวัลมากมาย อาทิเช่น
- “THE MOST TRUSTED OPEN TECHNIQUE RHINOPLASTY SPECIALIST 2023” คลินิกที่น่าเชื่อถือที่สุด ในการทำศัลยกรรมจมูกโอเพ่นในประเทศไทย จาก HELLO! MAGAZINE ประจำปี 2023
- “THE BEST OF OPEN RECONSTRUCTION RHINOPLASTY” คลินิกยืน 1 ด้านการแก้จมูก และทำจมูกจมูกด้วยเทคนิคโอเพ่น จากสุดสัปดาห์ ประจำปี 2022 – 2023 สองปีซ้อน
- “Customer High Recognition Award 2023” รางวัลคลินิกที่มียอดใช้ผลิตภัณฑ์ Galderma (Filler Restylane) สูงเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศ ประจำปี 2023
นอกจากคุณหมอกันแล้ว YKJ Medical Center ยังมีแพทย์มากประสบการณ์ท่านอื่นๆ ที่ล้วนแล้วแต่มีประสบการณ์มาอย่างยาวนาน สามารถมั่นใจได้เลยว่าเมื่อมาที่ YKJ Medical Center แล้ว จะได้รับมาตรฐานการดูแลรักษาที่ดี ในราคาที่คุ้มค่าอย่างแน่นอน