หากพูดถึงหนึ่งในการดูแลผิวหน้ายอดนิยมที่ใครหลายคนหันมาให้ความสนใจกันมากขึ้นก็คงจะหนีไม่พ้นการฉีดหน้าใส หรือการฉีดเมโส (Meso Arbutin) กันอย่างแน่นอน แล้วรู้หรือไม่ว่าวิธีการรักษาแบบนี้มีข้อดีอย่างไร เหมาะกับผิวหน้าแบบไหน ต้องรักษากี่ครั้งจึงจะเห็นผล มีวิธีดูแลทั้งก่อนและหลังการรักษาอย่างไรบ้าง วันนี้ผมจะมาเล่าให้ฟังครับ
การฉีดหน้าใส หรือฉีดเมโส (Meso Arbutin) คืออะไร
เป็นวิธีการรักษาผิวหน้าแบบหนึ่งที่ช่วยซ่อมแซมผิวที่เสียหายจากสิ่งสกปรกและมลภาวะต่าง ๆ โดยแพทย์จะฉีด Meso Therapy ที่มีสูตรเฉพาะเข้มข้นเรียกว่า Alpha-Arbutin ซึ่งเป็นสารสกัดจากวิตามินและสารบำรุงสำคัญลงไปในผิวหนังชั้นกลางบนผิวหน้าตามปริมาณที่แพทย์เห็นว่าเหมาะสม เพื่อยับยั้งการผลิตเม็ดสีเมลานินตั้งแต่ต้นทาง ลดการสร้างเม็ดสีที่แตกต่างบนผิวหนัง ซึ่งเป็นสาเหตุของฝ้า กระ ช่วยลดความหมองคล้ำให้ผิวหน้า อีกทั้งกระตุ้นให้เกิดการผลัดเซลล์ผิวใหม่และฟื้นฟูผิวที่เสื่อมสภาพให้กลับมาขาวกระจ่างใส, ผิวดูชุ่มชื้นขึ้น อีกทั้งขับล้างสารพิษสะสมบนใบหน้าอันเป็นสาเหตุของปัญหารูขุมขนกว้างอีกด้วย
ข้อดีของการฉีดหน้าใส
- คืนความชุ่มชื้นให้แก่ผิว ผิวดูอิ่มเอิบ
- กระชับรูขุมขนให้เล็กลง
- ช่วยให้ผิวเนียนนุ่ม ไม่หยาบกระด้าง
- ลดความมันส่วนเกินอันก่อให้เกิดสิว
- ลดปัญหาผิวหนังอักเสบจนผิวโทรม
- สุขภาพผิวแข็งแรง ลดโอกาสผิวแพ้สารเคมี
- ลดรอยจุดด่างดำหลังจากสิวอักเสบ รวมถึงฝ้า, กระ ด้วย
- เนื่องจากเป็นสารสกัดจากธรรมชาติ จึงไม่เป็นอันตรายต่อผิวหน้า
ใครบ้างที่ไม่ควรฉีด
แม้ว่าการฉีดเมโสจะเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวแห้ง, สีผิวบนใบหน้าไม่สม่ำเสมอ, มีพฤติกรรมเสี่ยงต่อการละเลยการดูแลผิวหน้า เช่น นอนน้อย, นอนดึก ฯลฯ หรือแม้แต่ผู้ที่มีผิวแพ้ง่ายก็ตาม แต่ก็ยังมีคนอีกกลุ่มหนึ่งที่ไม่เหมาะสำหรับการฉีดเมโสด้วยเช่นกัน ได้แก่
- หญิงตั้งครรภ์หรืออยู่ในช่วงระหว่างให้นมบุตร
- ผู้ที่มีผิวหนังอักเสบ, ติดเชื้อ หรือสิวอักเสบรุนแรง ควรรักษาให้หายก่อน
- ผู้ป่วยโรคระบบไหลเวียนเลือด หรือความดันโลหิตผิดปกติ
- ผู้ที่มีประวัติแพ้วิตามิน หรือสารบำรุงที่ใช้เสริมความงาม
- ผู้ป่วยโรคเบาหวาน ต้องฉีดอินซูลินเป็นประจำ
ฉีดหน้าใสเจ็บมั้ย? ฉีดตรงไหนได้บ้าง? เริ่มได้ตั้งแต่อายุเท่าไหร่?
แม้ว่าแพทย์จะประคบเย็นจนกว่าผิวหน้าจะชาแล้วก็ตาม แต่เนื่องจากต้องฉีดเข็มลงไปยังใต้ผิวหนัง อาจทำให้คนไข้รู้สึกเจ็บในช่วงเริ่มฉีดเมโสได้ ส่วนระดับความเจ็บจะอยู่ในระดับที่ทนได้ ไม่เจ็บมาก ทั้งนี้สามารถฉีดได้ทั่วใบหน้า แต่หากคนไข้ต้องการฉีดส่วนอื่นของร่างกายนั้นจะต้องปรึกษาแพทย์ก่อนการรักษาทุกครั้ง โดยคนไข้สามารถใช้บริการได้ตั้งแต่อายุ 15 ปีขึ้นไป ซึ่งเป็นช่วงที่ร่างกายกำลังเจริญเติบโตและเกิดสิวเสี้ยนขึ้นง่ายกว่าวัยอื่น
ฉีดอย่างไรให้เห็นผลชัด
โดยทั่วไปจะเริ่มเห็นผลลัพธ์หลังจากฉีดเมโสตั้งแต่ครั้งแรกหรือครั้งที่ 2 ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล ประมาณ 1-2 สัปดาห์ ส่วนผลลัพธ์จะอยู่ได้นานประมาณ 1-2 เดือน และที่สำคัญควรเข้ารับการรักษาเป็นประจำทุก 1-2 สัปดาห์ เพื่อให้ใบหน้าดูกระจ่างใสมากยิ่งขึ้น
ขั้นตอนที่คุณควรรู้ก่อนฉีด
- คนไข้เข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์เพื่อวิเคราะห์และหาวิธีรักษาที่เหมาะสม
- แพทย์จะเลือกวิตามินหรือสารเมโสที่เหมาะต่อปัญหาผิวของคนไข้
- เจ้าหน้าที่ทำความสะอาดผิวหน้าของคนไข้
- แพทย์เริ่มฉีดเมโสตามส่วนต่าง ๆ ของใบหน้าอย่างเบามือ
ดูแลตัวเองอย่างไรหลังฉีดเมโส
- งดทาครีมบำรุงทุกชนิดบนใบหน้าเป็นเวลา 1 คืน หลังจากการรักษา
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และงดสูบบุหรี่ เพราะจะทำให้ผิวอ่อนแอลงจนเกิดปัญหาใบหน้า
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้าบริเวณที่ฉีดเมโส
- หลีกเลี่ยงแสงแดดและการโดนแสงแดดเป็นเวลานาน
- ทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF50 PA+++ ขึ้นไป และควรทาทุก ๆ 2 ชั่วโมง หากอยู่กลางแดด
- พักผ่อนให้เพียงพอและปรับเวลานอนให้เหมาะสม เพื่อให้ร่างกายดูดซึมวิตามินจากการรักษาเมโสได้ดียิ่งขึ้น
- ดื่มน้ำให้ตรงตามความต้องการของร่างกาย เพื่อกระตุ้นให้เลือดไหลเวียนและดูดซับวิตามินไปใช้ได้มากขึ้น
YKJ Medical Center (ชื่อเดิม “ธีระธรฌ์คลินิก”) ก่อตั้งโดยคุณหมอกัน นพ. รัฐรุจน์ บารมีไชยภัสร์ แพทย์ผู้ชำนาญด้านศัลยกรรมความงามและการปรับรูปหน้าระดับนานาชาติ ประสบการณ์กว่า 20 ปี โดดเด่นในหลากหลายหัตถการ เช่น เสริมจมูกโอเพ่น , ทำตาสองชั้น , ดึงหน้า , เสริมหน้าอก , ฉีดฟิลเลอร์ และอื่นๆ
คุณหมอกันเป็นผู้บุกเบิกการทำจมูกเทคนิคโอเพ่นรายแรกๆ ในประเทศไทย และได้รับเชิญไปเป็นวิทยากรบรรยายด้านความงามหลายครั้งทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะเรื่องการแก้จมูก การทำจมูกเทคนิคโอเพ่น โดย YKJ Medical Center ได้รับรางวัลมากมาย อาทิเช่น
- “THE MOST TRUSTED OPEN TECHNIQUE RHINOPLASTY SPECIALIST 2023” คลินิกที่น่าเชื่อถือที่สุด ในการทำศัลยกรรมจมูกโอเพ่นในประเทศไทย จาก HELLO! MAGAZINE ประจำปี 2023
- “THE BEST OF OPEN RECONSTRUCTION RHINOPLASTY” คลินิกยืน 1 ด้านการแก้จมูก และทำจมูกจมูกด้วยเทคนิคโอเพ่น จากสุดสัปดาห์ ประจำปี 2022 – 2023 สองปีซ้อน
- “Customer High Recognition Award 2023” รางวัลคลินิกที่มียอดใช้ผลิตภัณฑ์ Galderma (Filler Restylane) สูงเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศ ประจำปี 2023
นอกจากคุณหมอกันแล้ว YKJ Medical Center ยังมีแพทย์มากประสบการณ์ท่านอื่นๆ ที่ล้วนแล้วแต่มีประสบการณ์มาอย่างยาวนาน สามารถมั่นใจได้เลยว่าเมื่อมาที่ YKJ Medical Center แล้ว จะได้รับมาตรฐานการดูแลรักษาที่ดี ในราคาที่คุ้มค่าอย่างแน่นอน