แม้ว่าใบหน้าของแต่ละคนจะมีความสมมาตรไม่เท่ากัน ไม่ได้ตรงเป๊ะ 100% แต่โดยธรรมชาติแล้วใบหน้าของคนทั่วไปอาจไม่ได้เบี้ยวจนถึงขั้นมองเห็นได้ชัด สำหรับผู้มีหน้าเบี้ยวเป็นจุดเด่นบนใบหน้า อาจส่งผลต่อความมั่นใจของใครหลายคนเมื่อต้องออกไปข้างนอก วันนี้ผมจะมาพูดถึงสาเหตุและวิธีการรักษาให้หายกันครับ
หน้าเบี้ยวเกิดจากอะไร
สาเหตุสำคัญที่ทำให้ใบหน้าบิดเบี้ยวมีทั้งหมด 3 อย่าง ได้แก่ เป็นตั้งแต่กำเนิด เกิดจากขากรรไกรล่างมีลักษณะเอียงผิดปกติ ส่งผลให้โครงหน้าส่วนล่างเอียง ส่วนสาเหตุอย่างที่สองคือเกิดจากการศัลยกรรม โดยส่วนใหญ่เกิดกับคนไข้ที่เสริมคางด้วยการเสริมซิลิโคน เกิดจากแพทย์ศัลยกรรมผ่าตัดเลาะช่องว่างที่จะนำซิลิโคนไปใส่ไม่เท่ากัน เมื่อใส่ซิลิโคนเข้าไปแล้วจึงไม่พอดี นำไปสู่อาการคางเอียงและเบี้ยวตามมา รวมถึงการเหลาซิลิโคนคางไม่เท่ากัน พอใส่เข้าไปที่คางของเรา จึงทำให้คางเบี้ยวเอียง ส่วนสาเหตุสุดท้ายเกิดจากพฤติกรรมเคยชินอย่างการนั่งเท้าคางครับ เนื่องจากการเท้าคางทำให้คางรับน้ำหนักมากเกินไป ส่งผลให้คางเบี้ยวและฟันเรียงตัวผิดจากธรรมชาตินั่นเองครับ
ข้อเสียของหน้าที่เบี้ยวผิดธรรมชาติ
- เคี้ยวข้าวไม่สะดวก กลืนข้าวลำบาก
- หุบปากไม่สนิท
- พูดไม่ชัด
- หน้าบิดเบี้ยว
- ยิ้ม 2 ข้างไม่เท่ากัน
- ลดความมั่นใจในตัวเอง
วิธีรักษาอาการ
1. งดพฤติกรรมเสี่ยง
พฤติกรรมเท้าคางจะเกิดขึ้นได้จาก 3 ปัจจัย ได้แก่ ความรู้สึกเบื่อหน่าย คิดมาก และเหนื่อยล้าร่างกายแต่ยังต้องทำงานอยู่ อาจทำให้คุณเผลอเท้าคางโดยไม่รู้ตัว ทางที่ดีแนะนำให้ออกไปเดินเล่นเพื่อให้ร่างกายสดชื่นมากขึ้น ส่งผลให้จิตใจกระปรี้กระเปร่าตาม และหยุดการเท้าคางได้เองโดยอัตโนมัติ
2. รักษาด้วยการผ่าตัด
กรณีที่คนไข้มีใบหน้าที่เบี้ยวมาจากขากรรไกรล่างผิดปกติ ศัลยแพทย์จะทำการผ่าตัดศัลยกรรมปรับโครงหน้า หรือผ่าตัดขากรรไกรครับ เนื่องจากรูปทรงของขากรรไกรผิดปกติ ทั้งนี้อาจมีการจัดฟันร่วมด้วย ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศัลยแพทย์ว่ามีทิศทางการรักษาไปในทิศทางใดบ้าง
3. รักษาด้วยการศัลยกรรม
หากคุณมีใบหน้าที่เบี้ยว หรือคางเบี้ยวจากการทำซิลิโคนที่มีขนาดไม่เท่ากันหรือไม่เหมาะสมกับคาง ศัลยแพทย์จะทำการตรวจอย่างละเอียดให้แน่ใจก่อนว่า ปัญหามาจากขนาดของซิลิโคนจริง ๆ หลังจากนั้นแพทย์จะผ่าตัดเปลี่ยนซิลิโคนใหม่เพื่อให้เหมาะสมกับใบหน้ามากยิ่งขึ้นครับ
4. ฉีดฟิลเลอร์
การฉีดฟิลเลอร์สามารถแก้ปัญหาหน้าหรือคางเบี้ยว อีกทั้งช่วยปรับรูปหน้าและเสริมคางให้สวยเรียวยิ่งขึ้น ใบหน้าวีเชฟขึ้นได้โดยไม่ต้องผ่าตัด แต่หากคุณฉีดฟิลเลอร์กับหมอกระเป๋าซึ่งใช้ฟิลเลอร์ปลอม ไม่ได้มาตรฐาน ซึ่งมีส่วนผสมของ Polyamine (Aqualift), Hydrofilic gel ฯลฯ อาจก่อให้เกิดก้อนที่เกิดจากการเสริมคางได้เช่นกัน ท้ายที่สุดแพทย์ก็จะต้องรักษาด้วยการขูดฟิลเลอร์ออก ซึ่งการขูดสามารถช่วยรักษาได้ในระดับหนึ่งเท่านั้นครับ เนื่องจากสามารถขูดออกได้เพียง 60 – 70% เท่านั้น
วิธีดูแลตัวเองหลังผ่าตัด
- ประคบเย็นลดบวมในช่วง 48 ชั่วโมงหลังการผ่าตัด
- แปรงฟันอย่างเบามือ เลือกใช้ยาสีฟันสูตรอ่อนโยน ใช้แปรงสีฟันขนนุ่ม
- งดทานอาหารรสจัด แนะนำให้ทานอาหารอ่อนในช่วง 7 วันหลังการผ่าตัด
- บ้วนปากด้วยน้ำเกลือทุกครั้งหลังมื้ออาหารในช่วง 7 วันหลังการผ่าตัด
- งดสูบบุหรี่ งดดื่มแอลกอฮอล์ 2 สัปดาห์หลังการผ่าตัด เนื่องจากมีสารกระตุ้นให้เลือดไหลเวียนบริเวณใบหน้ามากขึ้น ส่งผลให้แผลหายช้า
- ทานยาตามแพทย์สั่งจนครบกำหนด
- เข้าพบแพทย์ตามกำหนด
YKJ Medical Center (ชื่อเดิม “ธีระธรฌ์คลินิก”) ก่อตั้งโดยคุณหมอกัน นพ. รัฐรุจน์ บารมีไชยภัสร์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมความงามและการปรับรูปหน้าระดับนานาชาติ ประสบการณ์กว่า 20 ปี ชำนาญในหลากหลายหัตถการ เช่น จมูกโอเพ่น, ตาสองชั้น, ดึงหน้า, ทำหน้าอก, ฉีดฟิลเลอร์ และอื่นๆ
คุณหมอกันเป็นผู้บุกเบิกการทำจมูกเทคนิคโอเพ่นรายแรกๆ ในประเทศไทย และได้รับเชิญไปเป็นวิทยากรบรรยายด้านความงามหลายครั้งทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะเรื่องการแก้จมูก การทำจมูกเทคนิคโอเพ่น โดย YKJ Medical Center ได้รับรางวัลมากมาย อาทิเช่น
- “THE MOST TRUSTED OPEN TECHNIQUE RHINOPLASTY SPECIALIST 2023” คลินิกที่น่าเชื่อถือที่สุด ในการทำศัลยกรรมจมูกโอเพ่นในประเทศไทย จาก HELLO! MAGAZINE
- “THE BEST OF OPEN RECONSTRUCTION RHINOPLASTY” คลินิกอันดับ 1 ด้านการแก้จมูก และทำจมูกจมูกด้วยเทคนิคโอเพ่น จากสุดสัปดาห์ ประจำปี 2022 – 2023 สองปีซ้อน
- “Customer High Recognition Award 2023” รางวัลคลินิกที่มียอดใช้ผลิตภัณฑ์ Galderma (Filler Restylane) สูงเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศ
นอกจากคุณหมอกันแล้ว คลินิกยังมีทีมแพทย์มากประสบการณ์ท่านอื่นๆ ที่ล้วนแล้วแต่ผ่านการฝึกอบรมหลักสูตรเฉพาะทาง และมีประสบการณ์มาอย่างยาวนาน มั่นใจได้เลยว่าเมื่อคุณมาที่ YKJ Medical Center แล้ว คุณจะได้รับมาตรฐานการดูแลรักษาที่ดีที่สุด ในราคาที่คุ้มค่าอย่างแน่นอน