เสริมหน้าอกด้วยไขมันตัวเอง VS ซิลิโคน เลือกแบบไหนดี เป็นคำถามอันดับต้นๆ สำหรับผู้ที่สนใจทำหน้าอกว่าเราควรใช้ไขมันตนเองหรือซิลิโคนดีกว่ากัน เนื่องจากในแต่ละวิธีนั้นก็มีข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกันออกไป ทั้งนี้อาจขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของปัญหาหน้าอกของคนไข้แต่ละเคสด้วยว่าใช้วิธีใดจึงจะดีที่สุดและแก้ไขปัญหาที่คนไข้ต้องการได้อย่างตรงจุด อย่างไรก็ดีครับ เพื่อให้เห็นข้อแตกต่างที่ชัดเจนมากขึ้น ในบทความนี้เราจะมาคุยกันว่าการเสริมหน้าอกทั้ง 2 แบบนี้ต่างกันอย่างไร?

เสริมหน้าอกด้วยไขมันตัวเอง VS ซิลิโคน ต่างกันอย่างไร เลือกแบบไหนดี?
ใครที่มีปัญหาหน้าอกไม่สวย ไม่เป็นทรง เนินหน้าอกหาย หรือสาวๆ หน้าอกเล็ก คงอยากเพิ่มขนาดของหน้าอก ให้ใหญ่ขึ้นแน่ๆ เพื่อให้เราได้หน้าอกสวย ๆ แต่งตัวชุดไหนก็ดูเนินเต็มนะครับ ซึ่งการเสริมหน้าอกในปัจจุบันมีหลายวิธีด้วยกันครับ ซึ่งก็ตามที่หมอกล่าวไว้ข้างต้นว่า แต่ละวิธีก็มีข้อแตกต่างกันอยู่ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมคนไข้จึงจำเป็นต้องศึกษารายละเอียดของรูปแบบการเสริมหน้าอกทั้ง 2 แบบนี้ไว้เพื่อนำไปพิจารณากันครับ
รูปแบบการเสริมหน้าอก
การผ่าตัดเสริมหน้าอกในปัจจุบันแบ่งเป็น 2 แบบ สามารถทำแบบใดแบบหนึ่งหรือทำร่วมกันทั้งสองอย่างในครั้งเดียวได้ ประกอบไปด้วย
การเสริมหน้าอกด้วยเต้านมเทียม (Breast Implant Augmentation)
คือการใช้เต้านมเทียม (Silicone หรือ ซิลิโคนเสริมหน้าอก) ใส่เข้าไปในหน้าอก เพื่อให้หน้าอกของเรามีขนาดใหญ่ขึ้น (เพิ่มขนาดหน้าอก)
การเสริมหน้าอกด้วยไขมันตัวเอง (Fat Transfer Augmentation)
เป็นวิธีที่เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้น เพราะใช้เนื้อเยื่อตนเอง ไม่ใช้วัตถุแปลกปลอม มีความเป็นธรรมชาติสูง แต่มีข้อจำกัดหลายเรื่อง ได้แก่ จำเป็นต้องมีการผ่าตัดเพิ่มเติมคือ การดูดไขมัน ซึ่งต้องมีอุปกรณ์เฉพาะและการอยู่ตัวของไขมันที่ฉีดอาจแตกต่างกันในแต่ละบุคคล

เสริมหน้าอกด้วยซิลิโคน คืออะไร…
เป็นการเสริมหน้าอกโดยใช้เต้านมเทียมหรือเรียกกันว่าซิลิโคนเสริมหน้าอกซึ่งนิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย ปัจจุบันมีหลายรูปแบบและพัฒนาเรื่อยๆมาเพื่อลดข้อผิดพลาดในเรื่องการเสี่ยงเป็นมะเร็งเต้านมของซิลิโคนเสริมหน้าอกบางยี่ห้อที่ถูกเก็บคืน
ข้อดี คือ สามารถเลือกขนาดตามที่ต้องการได้เลยแต่สิ่งที่ต้องควรคำนึงถึงถ้าเลือกใหญ่ไปเนื้อหน้าอกคุณอาจจะไม่สามารถรองรับได้เพราะฉะนั้นศัลยแพทย์จะเลือกขนาดที่เหมาะสมกับรูปร่างคุณให้เท่านั้น อีกสิ่งหนึ่งหากเนื้อหน้าอกคุณน้อยแต่อยากเสริมหน้าด้วยซิลิโคนก็สามารถทำร่วมกับการฉีดไขมันหน้าอกเฉพาะที่ได้ เช่นบริเวณเนินหน้าอกหรือร่องอกเพื่อตกแต่งหน้าอกให้ดูเป็นธรรมชาติซึ่งเทคนิคนี้เรียกว่า
Hybrid ข้อเสีย ของการเสริมหน้าอกด้วยซิลิโคน คงเป็นเรื่องผู้ที่มีเนื้อหน้าอกน้อยเมื่อต้องใช้การเสริมด้วยซิลิโคนเสริมหน้าหรือเต้านมเทียมอาจจะใส่ไซส์ได้ไม่ใหญ่มากเพื่อหลีกเลี่ยงการตึงของเต้านมและการเห็นขอบซิลิโคน บางรายที่เสริมหน้าอกด้วยซิลิโคนจนร่างกายเกิดการต่อต้านสิ่งแปลกปลอมทำให้เกิดการแพ้ หรือมีพังผืดรัดซิลิโคน อีกประการคือยี่ห้อของซิลิโคนในอดีตที่เพิ่งตรวจพบว่ามีปัญหาจนต้องมีการผ่าตัดเพื่อเปลี่ยนซิลิโคนได้
ซิลิโคนแบบน้ำเกลือ กับ ซิลิโคนแบบเจล ต่างกันอย่างไร?
ซิลิโคนที่นิยมใช้ในการเสริมหน้าอกมี 2 ประเภท ดังนี้
ซิลิโคนน้ำเกลือ (Saline implants)
เป็นถุงซิลิโคนที่ด้านในบรรจุน้ำเกลือให้ถุงพองขึ้นตามขนาดที่ต้องการ ก่อนนำมาใส่ไว้ในหน้าอก ซึ่งค่อนข้างปลอดภัยเพราะร่างกายสามารถดูดซึมน้ำเกลือได้ในกรณีที่ซิลิโคนเกิดการรั่ว
ซิลิโคนแบบเจล (Silicone gel implants)
เป็นซิลิโคนที่ทำมาแบบสำเร็จรูปแล้ว มีความยืดหยุ่นสูง มีโอกาสที่จะรั่วซึมน้อยกว่าซิลิโคนน้ำเกลือ แต่ข้อเสียคือ หากเกิดการรั่วซึมจะรู้ตัวช้า เพราะดูจากภายนอกไม่ค่อยเห็นว่าซิลิโคนกำลังเกิดความผิดปกติ ต้องอาศัยการตรวจด้วยเครื่องสแกนเอ็มอาร์ไอ (Magnetic resonance imaging: MRI) ทุก 2-3 ปี
โดยสรุปแล้ว การจะเลือกซิลิโคนทั้ง 2 แบบ ต้องอาศัยการพิจารณาจากความต้องการ ระยะเวลา ปัจจัยด้านสุขภาพ และค่าใช้จ่ายในการเสริมหน้าอกร่วมด้วยครับ

เสริมหน้าอกด้วยไขมัน คืออะไร…
คือการเสริมหน้าอกที่ใช้ไขมันส่วนเกินของตัวเองมาฉีดเสริมหน้าอกให้มีขนาดใหญ่ขึ้น นิยมใช้ไขมันส่วนเกินบริเวณหน้าท้อง ต้นขา เพื่อมาเสริมหน้าอก โดยปกติแล้วจะเสริมหน้าอกด้วยไขมันฉีดได้ตั้งแต่น้อยๆ 10-20 ซีซีไปจนถึงเป็นหลายร้อยได้ คือเพิ่มไซส์อาจจะได้ไม่ใหญ่มากเท่าการเสริมซิลิโคนมากนัก
ข้อดี ของการเสริมหน้าอกด้วยไขมัน คือ จะเป็นสิ่งจากธรรมชาติของตัวคุณเองคือย้ายไขมันจากส่วนหนึ่งไปสู่ส่วนหนึ่งเป็นวัสดุทางธรรมชาติจึงไม่มีผลกระทบต่อร่างกายและเมื่อผสานเป็นหนึ่งเดียวกับเซลล์ไขมันเดิมแล้วก็จะอยู่ได้นานตามธรรมชาติ
ข้อเสีย คงจะเป็นเรื่องของผู้ที่ไม่มีไขมันส่วนเกินเลยก็ไม่สามารถเสริมหน้าอกด้วยวิธีนี้ได้แน่นอน อีกประการคงเป็นเรื่องของน้ำหนักตัวเมื่อน้ำหนักตัวของผู้ที่เสริมหน้าอกด้วยไขมันไม่คงที่ก็จะมีผลกระทบต่อขนาดของเซลล์ไขมันเช่นกัน เมื่อคุณอ้วนขึ้นเซลล์ไขมันก็จะใหญ่ แต่พอผอมลงเซลล์ไขมันก็จะเล็กลงนั่นทำให้ขนาดหน้าอกเล็กลงได้
เสริมหน้าอกด้วยการฉีดไขมันจากส่วนอื่น
การเสริมหน้าอกด้วยการฉีดไขมัน คือการที่แพทย์นำไขมันออกมาจากอวัยวะส่วนอื่นของตัวผู้เสริมหน้าอกเอง จากนั้นนำมาทำความสะอาด แล้วฉีดกลับเข้าไปยังหน้าอกเพื่อเพิ่มขนาด
วิธีการฉีดไขมันนั้นมีใช้กันหลากหลายรูปแบบแล้ว ทั้งการเสริมโหนกแก้ม เสริมคิ้ว เสริมริมฝีปาก แต่การนำไขมันมาเสริมหน้าอกนั้นต้องใช้ไขมันมากกว่าการเสริมที่ส่วนอื่น
โดยไขมันส่วนที่นิยมนำมาใช้ฉีดเสริมหน้าอกบ่อยๆ ได้แก่
- ไขมันส่วนต้นขา
- ไขมันส่วนเอว
- ไขมันส่วนหน้าท้อง
หลายคนต้องการใช้วิธีการฉีดไขมันเพราะรู้สึกว่าเป็นธรรมชาติมากกว่าซิลิโคน ทำให้หมดปัญหาเรื่องการเกิดพังผืดเกาะซิลิโคน รวมถึงยังช่วยลดสัดส่วนไขมันในบริเวณที่ไม่ต้องการอีกด้วย
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
ปัญหาหลังเสริมอก อาการหลังทำนม ที่หลายคนมักจะเจอบ่อยๆ วิธีดูแลแผล ป้องกันแผลเป็น ลดแผลเป็น หลังทำศัลยกรรม หน้าอกทรงหยดน้ำ (Tear drop) เหมาะกับใคร?