หากคุณกำลังมองหาวิธีกำจัดต้นแขนย้วยเพื่อให้แขนกลับมาเรียวสวยอีกครั้ง นอกจากออกกำลังกายกระชับต้นแขนแล้วยังมีเทคโนโลยี Body fx เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจไม่แพ้กันด้วย ว่าแต่เทคโนโลยีดังกล่าวคืออะไร มีขั้นตอนการรักษายุ่งยากมั้ย ต้องดูแลตัวเองทั้งก่อนและหลังการรักษาอย่างไรบ้าง มาดูกันครับ
แขนย้วยเกิดจากอะไร
เกิดจากร่างกายมีไขมันส่วนเกินสะสมบริเวณต้นแขน ทำให้ต้นแขนมีขนาดใหญ่และย้วยลงมา โดยไขมันที่สะสมเกิดขึ้นจากพฤติกรรมการรับประทานอาหารที่มากกว่าความต้องการของร่างกาย โดยเฉพาะอาหารประเภทที่มีไขมันมากอย่างของทอดและอาหารขยะทั้งหลาย, เครื่องดื่มแอลกอฮอล์, ดื่มน้ำน้อยเกินไป ทำให้ร่างกายไม่สามารถกำจัดไขมันเหล่านี้ออกไปได้ทันทีและสะสมบริเวณต้นแขน, อายุที่เพิ่มขึ้น ทำให้ร่างกายผลิตคอลลาเจนน้อยลง ส่งผลให้ผิวขาดความยืดหยุ่น, ร่างกายได้รับมลพิษจากที่อยู่อาศัย ทั้งรังสี UVA และ UVB ในแดด, ฝุ่นควันไอเสีย, ควันจากการสูบบุหรี่ด้วย รวมถึงการออกกำลังกายอย่างหักโหมจนทำให้น้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็ว ทำให้ผิวหนังหดตัวไม่ทันและย้วยลงมา
มีวิธีกระชับต้นแขนย้วยด้วยตัวเองมั้ย
1. ออกกำลังกายบริหารต้นแขน
การออกกำลังกายด้วยท่าที่เน้นไปยังบริเวณแขน จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อแขน และเพิ่มการเผาผลาญไขมันที่สะสมได้ด้วย โดยท่าที่ง่ายที่สุดในการออกกำลังแขนคือ การแกว่งแขน และการวิดพื้น แม้ว่าจะเห็นผลแน่ ๆ แต่ก็เป็นวิธีที่ต้องใช้เวลาและความอดทนพอสมควร จึงไม่เหมาะกับผู้ที่ต้องการลดต้นแขนทันที แต่เหมาะกับผู้ที่ต้องการดูแลสุขภาพในระยะยาว
2. ควบคุมอาหาร
หลีกเลี่ยงหรือลดปริมาณอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตและไขมันสูง แล้วหันมาทานอาหารจำพวกผักและผลไม้แทน เพื่อป้องกันการสะสมของไขมัน และกระตุ้นให้ร่างกายนำไขมันเก่ามาใช้ในการเผาผลาญมากขึ้นด้วย
3. ฉีดโบท็อกลดกล้ามเนื้อแขน
ช่วยลดกล้ามเนื้อต้นแขนให้เล็กลงได้จริง เพียงแต่เห็นผลชั่วคราวเพียง 3 เดือน – 1 ปี เท่านั้น (ขึ้นอยู่กับปริมาณที่ฉีด, ยี่ห้อ และขนาดของกล้ามเนื้อ) เหมาะสำหรับผู้ที่มีกล้ามเนื้อต้นแขนไม่ใหญ่มาก
4. ดูดไขมัน
เป็นวิธีการรักษาที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดไขมันต้นแขนแบบเร่งด่วน เนื่องจากใช้เวลารักษาเพียง 2-3 ชั่วโมงเท่านั้น อีกทั้งเป็นการรักษาที่ตรงจุด โดยแพทย์จะตรวจเช็กก่อนว่าคนไข้ต้องการแขนทรงไหน ดูประกอบกับสรีระและความสมส่วนของร่างกายเพื่อป้องกันปัญหาต้นแขนใหญ่ไม่เท่ากันเนื่องจากดูดไขมันไม่เท่ากันนั่นเอง จากนั้นจึงใช้เครื่องดูดไขมันเพื่อสลายเซลล์ไขมันบริเวณต้นแขน
5. ผ่าตัดท้องแขน
โดยแพทย์จะเปิดแผลจากข้อศอกไปถึงรักแร้เพื่อตัดผิวหนังส่วนเกินออก จากนั้นจึงเย็บห่อหุ้มให้พอดีกับกระดูกและกล้ามเนื้อ โดยแผลผ่าตัดจะอยู่บริเวณท้องแขนด้านในแนบลำตัว ทั้งนี้คนไข้จะต้องสวมใส่ชุดยกกระชับอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 1 เดือน จากนั้นค่อยใส่เฉพาะตอนนอนอีก 2 เดือน เพื่อให้กล้ามเนื้อกระชับและเห็นผลการรักษาไวขึ้น
6. เทคโนโลยี Body fx
เป็นเทคโลโนยีที่ใช้พลังงานคลื่นวิทยุ RF ผสมผสานกับคลื่นวิทยุความเข้มสูง เพื่อปล่อยออกมาช็อตและฆ่าเซลล์ไขมันแบบถาวร เป็นวิธีที่นิยมกันอย่างมากในปัจจุบัน
Body FX คืออะไร
เป็นเทคโนโลยีที่ใช้สลายเซลลูไลท์โดยไม่ต้องผ่าตัดแม้แต่น้อย เพียงแค่ใช้พลังงานคลื่นวิทยุ RF ผสมผสานกับคลื่นวิทยุความเข้มสูงที่ปล่อยออกมาช็อตและฆ่าเซลล์ไขมันแบบถาวร แถมยังสลายเซลลูไลท์และกระชับผิวไปในตัวอีกด้วย สามารถกำจัดไขมันได้หลากหลายจุด ไม่ว่าจะเป็นต้นแขน, ต้นขา, หน้าท้อง, สะโพก และบริเวณอื่น ๆ Body fx ทำงานทั้งหมด 3 ขั้นตอน ได้แก่
- Vacuum หัวเครื่องมือใช้ระบบสุญญากาศเพื่อดูดไขมันและส่งพลังงานคลื่นวิทยุไปยังเซลล์ไขมันบริเวณต้นแขนได้อย่างแม่นยำ รวมถึงขจัดเซลล์ไขมัน, นวดกระตุ้นระบบน้ำเหลือง และกระตุ้นการทำงานของระบบไหลเวียนเลือดด้วย
- Bipolar RF Power เป็นพลังงานคลื่นวิทยุที่สร้างความร้อนระดับอุ่นบริเวณต้นแขน ทำให้เซลล์ไขมันอ่อนตัวและผนังเซลล์ไขมันแข็งแรงน้อยลง อีกทั้งกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใต้ผิว ทำให้เซลล์ไขมันเเตกตัว
- HV RF Pulse เป็นพลังงานคลื่นวิทยุความเข้มข้นสูงที่ถูกปล่อยออกมาเพื่อเจาะรูผนังเซลล์ไขมัน ทำให้ไขมันในเซลล์ถูกระบายออกมาข้างนอกและตายไปเอง โดยร่างกายจะมีระบบกำจัดเซลล์ไขมันเหล่านี้ตามกระบวนการทางธรรมชาติส่งผลให้ผิวกระชับเรียบเนียนยิ่งขึ้น อีกทั้งให้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจเทียบเท่าการดูดไขมันซึ่งเจ็บมากกว่า
ข้อดีของการทำ Body fx
- เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยสลายไขมันและยกกระชับแขนได้ในเวลาเดียวกัน
- ไม่ต้องเจ็บตัว เพียงแต่รู้สึกอุ่น ๆ บริเวณต้นแขนที่ย้วยเท่านั้น
- ไม่มีแผลหลังการรักษา
- ไม่ต้องพักฟื้น สามารถทำกิจกรรมได้ตามปกติ
- ผิวกระชับ เรียบเนียบขึ้น
*บางรายอาจมีจุดแดงจากการรักษา แต่จุดดังกล่าวจะหายไปเองภายใน 3-5 วัน
Body fx ให้ผลการรักษายาวนานแค่ไหน
เมื่อตรวจวัดด้วยเครื่องอัลตร้าซาวด์ พบว่าชั้นไขมันบริเวณต้นแขนที่ทำการรักษามีความหนาลดลงถึง 40% ส่วนโครงสร้างห่อหุ้มเซลล์ไขมันแข็งแรงกว่าเดิม ซึ่งจะช่วยให้ผิวดูกระชับและป้องกันปัญหาเซลลูไลท์ลดลงด้วย แต่ทั้งนี้ควรรักษาทุก 1-2 สัปดาห์ เป็นจำนวน 8 ครั้ง ซึ่งจะเห็นผลการรักษาตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำไปจนถึง 3 เดือนหลังจากรักษาครั้งสุดท้ายเสร็จ ซึ่งเป็นช่วงที่เห็นผลชัดที่สุด
แล้วถ้าน้ำหนักเพิ่มหลังจากรักษา จะกลับมาแขนย้วยอีกมั้ย
เนื่องจากการรักษารูปแบบนี้จะฆ่าเซลล์ไขมันบริเวณต้นแขนอย่างถาวร ส่งผลให้ต้นแขนมีโอกาสย้วยน้อยกว่าบริเวณอื่นที่ไม่ได้ทำ Body fx
คำแนะนำหลังทำ Body fx
- งดออกกำลังกายเป็นเวลา 1 วัน หลังการรักษา
- ดื่มน้ำตามความต้องการของร่างกาย หรืออย่างน้อยวันละ 2 ลิตร
- ทาครีมบำรุงเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว ส่งผลให้ผลการรักษาชัดเจนขึ้น
YKJ Medical Center (ชื่อเดิม “ธีระธรฌ์คลินิก”) ก่อตั้งโดยคุณหมอกัน นพ. รัฐรุจน์ บารมีไชยภัสร์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมความงามและการปรับรูปหน้าระดับนานาชาติ ประสบการณ์กว่า 20 ปี ชำนาญในหลากหลายหัตถการ เช่น จมูกโอเพ่น, ตาสองชั้น, ดึงหน้า, ทำหน้าอก, ฉีดฟิลเลอร์ และอื่นๆ
คุณหมอกันเป็นผู้บุกเบิกการทำจมูกเทคนิคโอเพ่นรายแรกๆ ในประเทศไทย และได้รับเชิญไปเป็นวิทยากรบรรยายด้านความงามหลายครั้งทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะเรื่องการแก้จมูก การทำจมูกเทคนิคโอเพ่น โดย YKJ Medical Center ได้รับรางวัลมากมาย อาทิเช่น
- “THE MOST TRUSTED OPEN TECHNIQUE RHINOPLASTY SPECIALIST 2023” คลินิกที่น่าเชื่อถือที่สุด ในการทำศัลยกรรมจมูกโอเพ่นในประเทศไทย จาก HELLO! MAGAZINE
- “THE BEST OF OPEN RECONSTRUCTION RHINOPLASTY” คลินิกอันดับ 1 ด้านการแก้จมูก และทำจมูกจมูกด้วยเทคนิคโอเพ่น จากสุดสัปดาห์ ประจำปี 2022 – 2023 สองปีซ้อน
- “Customer High Recognition Award 2023” รางวัลคลินิกที่มียอดใช้ผลิตภัณฑ์ Galderma (Filler Restylane) สูงเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศ
นอกจากคุณหมอกันแล้ว คลินิกยังมีทีมแพทย์มากประสบการณ์ท่านอื่นๆ ที่ล้วนแล้วแต่ผ่านการฝึกอบรมหลักสูตรเฉพาะทาง และมีประสบการณ์มาอย่างยาวนาน มั่นใจได้เลยว่าเมื่อคุณมาที่ YKJ Medical Center แล้ว คุณจะได้รับมาตรฐานการดูแลรักษาที่ดีที่สุด ในราคาที่คุ้มค่าอย่างแน่นอน