ปัญหาหลังร้อยไหมที่คุณควรรู้ก่อนร้อยไหม

ปัญหาหลังร้อยไหม

สำหรับใครที่มีแพลนว่าจะร้อยไหมเพื่อกระชับใบหน้า แก้ปัญหาแก้มหย่อน หรือเสริมจมูกให้โด่งขึ้น อาจยังไม่ทราบว่าปัญหาหลังร้อยไหมมีอะไรบ้าง วันนี้ผมมีคำตอบพร้อมวิธีแก้มาฝากครับ

รีวิวร้อยไหมที่ไหนดี ร้อยไหม ธีระธรฌ์ หมอกัน

ปัญหาหลังร้อยไหมมีอะไรบ้าง

1. เส้นไหมไม่ได้อยู่ใต้ผิวหน้าถาวร

โดยทั่วไปเส้นไหมจะมีอายุประมาณ 8 – 24 เดือน ขึ้นอยู่กับชนิดของเส้นไหมและการดูแลใบหน้าของคนไข้ หากคนไข้ไม่ปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของแพทย์ อาจส่งผลให้การร้อยไหมไม่เห็นผลเท่าที่ควร

2. ร้อยไหมแล้วบวมช้ำเยอะ

หลังจากร้อยไหมจะเกิดอาการบวมช้ำบริเวณที่ร้อยไหม ซึ่งเกิดจากการฉีดยาชาและมีเลือดออกใต้ผิวหนัง โดยทั่วไปแล้วอาการบวมจะดีขึ้นภายใน 3 – 14 วัน ซึ่งในช่วง 3 – 4 วันแรก จะเกิดอาการบวมแดง ทั้งนี้จะบวมมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับเทคนิค และความชำนาญของแพทย์ที่ร้อยด้วย

3. เกิดการติดเชื้อ

ปัญหานี้เกิดจากกระบวนการที่ไม่ฆ่าเชื้อก่อน ซึ่งพบน้อยมาก ส่วนใหญ่ที่พบเกิดจากการใช้บริการคลินิกที่ไม่ได้มาตรฐาน ค่าบริการค่อนข้างถูก หากคุณเผลอใช้บริการจากคลินิกประเภทนี้แล้วเกิดปัญหา แนะนำให้รีบไปพบแพทย์โดยด่วน ก่อนที่ปัญหาจะบานปลาย

4. เนื้อเยื่ออักเสบ

เกิดจากการร้อยไหมผิดชั้น ร้อยลึกหรือร้อยนานเกินไป ทำให้เนื้อเยื่อเกิดการอักเสบได้

5. ใบหน้าไม่เท่ากัน

แม้ว่าใบหน้าเดิมของคนไข้อาจจะไม่เท่ากันอยู่แล้ว แต่หากแพทย์ไม่ได้ให้คนไข้ส่องกระจกเพื่อสังเกตใบหน้าของตัวเองขณะร้อยไหม ก็อาจทำให้ใบหน้าไม่เท่ากันได้

6. ไหมทะลุ

เกิดจากเทคนิคการร้อยไหมของแพทย์ที่ร้อยในชั้นผิวตื้นเกินไป ทำให้ไหมทะลุออกมาอีกทางหนึ่งและเส้นไหมทะลุผิดที่

7. ไหมเด้ง ไหมขาด

เกิดจากการแสดงอารมณ์บนใบหน้ามากเกินไปและบ่อยเกินไป เช่น อ้าปากกว้าง หรือหัวเราะแรง ๆ อาจทำให้เส้นไหมขาด

การร้อยไหมเหมาะสำหรับใคร

  • ผู้ที่มีอายุระหว่าง 20 – 70 ปี
  • ผู้ที่เริ่มมีอายุ เนื่องจากผิวที่หย่อนคล้อยลงมา
  • เนื้อแก้มตก ริ้วรอยมุมปากเยอะ หรือถุงแก้มห้อยลงจนเห็นได้ชัด
  • ไม่มีเส้นกรอบหน้าแบ่งชัดเจนระหว่างใบหน้าและลำคอ
  • ต้องการใบหน้าวีไลน์ แต่ไม่ต้องการผ่าตัดกระดูก
  • ผู้ที่มีชั้นผิวหนังที่หนาผิดปกติ
  • ผู้ที่ไม่เห็นความแตกต่างหลังจากการยกกระชับใบหน้าแบบเดิม
  • ผู้ที่มีรูปจมูกไม่ชัด หรือจมูกไม่มีสัน
  • ผู้ที่มีสันจมูกไม่ตรง
  • ผู้ที่ต้องการเสริมโหงวเฮ้งของจมูกให้สวยงาม
  • ผู้ที่ต้องการแก้ทรงปลายจมูกงุ้มไม่สวย

ร้อยไหม-ธีระธรฌ์-หมอกัน-ร้อยไหมที่ไหนดี-ร้อยไหมช่วยอะไรบ้าง-ไหมแต่ละประเภท-ร้อยไหมไปอันตรายไหม-รีวิวร้อยไหม-การดูแลตัวเองหลังร้อยไหม

ร้อยไหม-ธีระธรฌ์-หมอกัน-ร้อยไหมที่ไหนดี-ร้อยไหมช่วยอะไรบ้าง-ไหมแต่ละประเภท-ร้อยไหมไปอันตรายไหม-รีวิวร้อยไหม-การดูแลตัวเองหลังร้อยไหม

ไหมที่ใช้ร้อยมีกี่แบบ?

ไหมแบ่งออกเป็นกลุ่มใหญ่ 2 กลุ่ม ได้แก่ ไหมไม่ละลาย และไหมละลาย ในปัจจุบันไหมไม่ละลายหรือไหมทองคำไม่เป็นที่นิยมแล้ว เนื่องจากมีปัญหาตามมามากกว่าไหมละลาย แพทย์จึงใช้ไหมละลายในการรักษามากกว่า เพราะนอกจากจะปลอดภัยแล้วยังได้มาตรฐานอีกด้วย ไหมละลายแบ่งออกเป็น 3 แบบ ได้แก่

  1. ไหม PDO (Polydioxanone) เป็นเส้นไหมสีน้ำเงิน เป็นไหมที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในปัจจุบัน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการยกกระชับและดึงหน้าให้เข้ารูป เนื่องจากเนื้อไหมมีความแข็งแรงสูง แถมยังละลายได้เองในช่วง 6-8 เดือน แต่การยกกระชับผิวจะยกได้ประมาณ 1-2 ปีเลยทีเดียว
  2. ไหม PLLA (Polylactate) เป็นเส้นไหมสีขาวใส ในปัจจุบันไม่ค่อยได้รับความนิยมเนื่องจากมีเนื้อสัมผัสนิ่ม ขาดง่ายและทะลุบ่อย เหมาะกับการร้อยไหมบริเวณผิวบอบบาง ตัวไหมจะละลายหมดไปเองภายใน 12-18 เดือน
  3. ไหม PCL (Polycaprolactone) เป็นเส้นไหมสีขาวขุ่นและมีขนาดใหญ่กว่าไหม 2 ประเภทแรก มีเนื้อสัมผัสค่อนข้างนิ่มเช่นเดียวกับไหม PLLA มีความยืดหยุ่นสูงและอายุค่อนข้างนาน ตัวไหมจะละลายหมดภายในเวลา 18-24 เดือน

ร้อยไหมช่วยยกกระชับจุดไหนได้บ้าง?

  • การร้อยไหมแก้มส้ม ช่วยเติมเต็มแก้มส้มให้อิ่มฟู ใบหน้าดูสดใส แลดูอ่อนวัย และทำให้ใบหน้ามีมิติมากขึ้น
  • การร้อยไหมใต้ตา ช่วยฟื้นฟูผิวใต้ตาให้สว่างสดใสยิ่งขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่มีใต้ตาคล้ำ, ร่องตาลึก หรือเป็นภูมิแพ้
  • การร้อยไหมจมูก เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการผ่าตัด วิธีนี้จะช่วยให้สันจมูกคมสวย แต่จะเอาออกยากหากต้องการเสริมจมูกในอนาคต

การดูแลหลังการร้อยไหม

  • หลังทำการรักษา อาจมีอาการบวมเล็กน้อยและอาการเสียวไหมบริเวณที่รับการรักษาได้ โดยจะเป็นอยู่ประมาณ1สัปดาห์
  • อาจพบรอยช้ำจากรอยเข็มเล็กน้อย ซึ่งจะหายเองภายใน 1 – 2 สัปดาห์
  • หลีกเลี่ยงการใช้สารที่มีส่วนผสมของ BHA, AHA และ Retinoid หลังจากร้อยไหมเป็นเวลา 2 สัปดาห์
  • หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายอย่างหักโหม, การอยู่ในที่ร้อน เช่น หลีกเลี่ยงแสงแดด, การซาวน่า และการอบไอน้ำ
  • งดดื่มแอลกอฮอล์ 2 วัน หลังการฉีด
  • งดทานยาหรือวิตามินที่ทำให้เลือดออก ได้แก่ แอสไพริน, วิตามิน E, ใบแปะก๊วย ฯลฯ
  • งดการทำ Treatment บนใบหน้าเป็นเวลา 2 สัปดาห์

YKJ Medical Center ยืน 1 ด้านศัลยกรรม เสริมความงาม

โดยหมอกัน อาจารย์แพทย์ด้านการทำจมูกเทคนิคโอเพ่น และการปรับรูปหน้าระดับนานาชาติ

YKJ Medical Center (ชื่อเดิม “ธีระธรฌ์คลินิก”) ก่อตั้งโดยคุณหมอกัน นพ. รัฐรุจน์ บารมีไชยภัสร์ แพทย์ผู้ชำนาญด้านศัลยกรรมความงามและการปรับรูปหน้าระดับนานาชาติ ประสบการณ์กว่า 20 ปี โดดเด่นในหลากหลายหัตถการ เช่น เสริมจมูกโอเพ่น , ทำตาสองชั้น , ดึงหน้า , เสริมหน้าอก , ฉีดฟิลเลอร์ และอื่นๆ

คุณหมอกันเป็นผู้บุกเบิกการทำจมูกเทคนิคโอเพ่นรายแรกๆ ในประเทศไทย และได้รับเชิญไปเป็นวิทยากรบรรยายด้านความงามหลายครั้งทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะเรื่องการแก้จมูก การทำจมูกเทคนิคโอเพ่น โดย YKJ Medical Center ได้รับรางวัลมากมาย อาทิเช่น

  • “THE MOST TRUSTED OPEN TECHNIQUE RHINOPLASTY SPECIALIST 2023” คลินิกที่น่าเชื่อถือที่สุด ในการทำศัลยกรรมจมูกโอเพ่นในประเทศไทย จาก HELLO! MAGAZINE ประจำปี 2023
  • “THE BEST OF OPEN RECONSTRUCTION RHINOPLASTY” คลินิกยืน 1 ด้านการแก้จมูก และทำจมูกจมูกด้วยเทคนิคโอเพ่น จากสุดสัปดาห์ ประจำปี 2022 – 2023 สองปีซ้อน
  • “Customer High Recognition Award 2023” รางวัลคลินิกที่มียอดใช้ผลิตภัณฑ์ Galderma (Filler Restylane) สูงเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศ ประจำปี 2023

นอกจากคุณหมอกันแล้ว YKJ Medical Center ยังมีแพทย์มากประสบการณ์ท่านอื่นๆ ที่ล้วนแล้วแต่มีประสบการณ์มาอย่างยาวนาน สามารถมั่นใจได้เลยว่าเมื่อมาที่ YKJ Medical Center แล้ว จะได้รับมาตรฐานการดูแลรักษาที่ดี ในราคาที่คุ้มค่าอย่างแน่นอน

คลิกจองคิวหรือปรึกษาฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย

โทรปรึกษา

บทความที่น่าสนใจ

home หน้าแรก promotion โปรโมชั่น tel ปรึกษาฟรี line ปรึกษาฟรี