การเสริมหน้าผากที่ดีนั้น นอกจากจะช่วยเพิ่มความสวยบนใบหน้าของคนไข้แล้ว ยังช่วยเสริมโหวงเฮ้งให้ชีวิตดียิ่งขึ้นอีกด้วย ว่าแต่เทคนิคที่หมอกันใช้เห็นผลได้นานแค่ไหน มีข้อดีข้อเสียอย่างไรบ้าง วันนี้จะมาเล่าให้ฟังครับ
ทำไมใครหลายคนถึงต้องเสริมหน้าผาก
เหตุผลหลักที่ทำให้ใครหลายคนต้องเสริมหน้าผากเกิดจากมีปัญหาหน้าผากแบน ไม่นูนเรียบเหมือนหน้าผากคนทั่วไป, มีหน้าผากแคบ ทำให้พื้นที่ใบหน้าดูน้อย, มีสันจมูกต่ำ ส่งผลให้หน้าผากดูไม่สมดุลกับอวัยวะส่วนอื่นบนใบหน้า โดยเฉพาะโหนกแก้ม ดั้งจมูก โหนกคิ้ว และคาง รวมถึงผู้ที่มีริ้วรอยบริเวณหน้าผากเมื่อมีอายุมากขึ้นด้วย ซึ่งการเสริมหน้าผากจะช่วยให้ใบหน้าดูมีมิติมากขึ้น หน้าผากโค้งนูนและสมดุล เสริมให้สันจมูกดูได้รูปมากขึ้น นอกจากนี้หากพูดกันตามหลักโหงวเฮ้ง เชื่อกันว่าผู้ที่มีหน้าผากนูนสวย จะช่วยดึงดูดโชคลาภและวาสนาเข้ามาในชีวิตอีกด้วย
การเสริมหน้าผากมีกี่แบบ อะไรบ้าง
โดยทั่วไปแบ่งเป็น 3 วิธี ได้แก่ การฉีดฟิลเลอร์เสริมหน้าผาก, การปลูกถ่ายไขมันจากร่างกาย และการผ่าตัดเสริมซิลิโคนหน้าผาก
1. การฉีดฟิลเลอร์
เป็นการฉีดสารเติมเต็มชนิดไฮยาลูรอนิก Hyaluronic Acid เข้าไปในหน้าผาก เพื่อปรับเปลี่ยนรูปหน้าให้ได้สัดส่วนมากยิ่งขึ้น โดยฟิลเลอร์ที่ฉีดเข้าไปสามารถสลายหมดได้เอง 100% สามารถฉีดใหม่ได้เรื่อย ๆ โดยทั่วไปจะใช้ปริมาณฟิลเลอร์เพียงแค่ 2 – 3 cc. แต่บางกรณีที่คนไข้มีหน้าผากยุบแบนมากและอยากเห็นความเปลี่ยนแปลงชัดเจน อาจต้องเพิ่มปริมาณฟิลเลอร์มากอยู่ที่ 3 – 7 cc. ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลและการวินิจฉัยโดยศัลยแพทย์ ส่วนระยะเวลาการฉีดฟิลเลอร์หน้าผากส่วนใหญ่จะอยู่ที่ 20 – 30 นาที เท่านั้น หลังจากฉีดฟิลเลอร์อาจมีอาการบวมเล็กน้อย หากคนไข้ทานยาครบตามคำแนะนำของศัลยแพทย์ อาการบวมแดงจะลดลงและจางหายไปเองภายใน 2 – 3 วันครับ
วัสดุที่ใช้เสริมหน้าผากมีอะไรบ้าง
- ซิลิโคนเฉพาะบุคคล (3D Customized Silicone Implant) เป็นแผ่นซิลิโคนที่ถูกออกแบบมาเฉพาะคนไข้รายนั้น โดยซิลิโคนชนิดนี้ขึ้นชื่อเรื่องความปลอดภัยสูงและได้การรับรองจาก FDA
- ซิลิโคนสำเร็จรูป (Preform Silicone) เป็นซิลิโคนที่ขึ้นรูปไว้โดยอ้างอิงตามมาตรฐานทางการแพทย์ มี 3 ขนาดให้เลือก ได้แก่ S, M และ L ทั้งนี้แพทย์ที่ใช้จะต้องมีประสบการณ์ในการเลือกซิลิโคนเพื่อให้เหมาะกับคนไข้แต่ละราย มีข้อดีคือราคาถูกกว่า สามารถผ่าตัดได้โดยไม่ต้องทำ CT scan เพื่อส่งข้อมูลไปใช้ในการขึ้นรูปซิลิโคนหน้าผากใหม่
ขั้นตอนการฉีดฟิลเลอร์เสริมหน้าผาก
- หลังจากเสร็จสิ้นการวิเคราะห์ปัญหา แพทย์จะกำหนดปริมาณสารฟิลเลอร์ที่ใช้ในการฉีดเสริมหน้าผาก
- แพทย์จะทำความสะอาดผิวให้คนไข้เพื่อให้เหมาะต่อการรักษา
- แพทย์จะทาและฉีดยาชาให้คนไข้เพื่อป้องกันอาการเจ็บจากการฉีดฟิลเลอร์
- เมื่อยาชาออกฤทธิ์ แพทย์จะใช้น้ำแข็งวางลงบนบริเวณผิวที่ฉีดเพื่อให้ผิวชาขึ้นชั่วขณะ
- จากนั้นแพทย์จะฉีดฟิลเลอร์เพื่อเสริมหน้าผากให้ทีละส่วน
2. การฉีดไขมันหน้า
ศัลยแพทย์จะเลือกไขมันที่สะสมอยู่บริเวณต้นขา หน้าท้อง สะโพกและก้น เพื่อนำมาปลูกถ่ายไขมันสเต็มเซลล์ จากนั้นไขมันที่ถูกดูดออกมาจะนำไปปั่นแยกน้ำเหลืองและเลือดออกเพื่อคัดเซลล์ไขมันออกมาเพียงอย่างเดียว โดยเซลล์ไขมันที่ได้จะมีส่วนประกอบของสเต็มเซลล์ ซึ่งจะใช้ในการเตรียมฉีดบริเวณที่ต้องการเติมเต็ม เนื่องจากไขมันที่นำมาใช้มาจากร่างกาย จึงไม่เกิดปฏิกิริยาต่อต้านแต่อย่างใด อีกทั้งไม่มีสารตกค้างภายในร่างกาย ส่วนไขมันที่ปลูกถ่ายไปจะยังคงอยู่ในชั้นใต้ผิวได้ตลอดชีวิต ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับบริเวณที่ทำและการดูแลตัวเองของคนไข้เป็นสำคัญ นอกจากนี้คนไข้อาจมีอาการบวมช้ำน้อยหรือไม่มีเลยก็ได้ (ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล), แผลผ่าตัดเล็กมาก, ไม่ต้องพักฟื้นนาน สามารถกลับบ้านได้ทันที และที่สำคัญวิธีนี้จะดูดไขมันส่วนเกินในร่างกาย จึงช่วยลดไขมันส่วนเกินและปรับรูปร่างให้ดูดียิ่งขึ้น
ทั้งนี้ก็ยังมีข้อควรระวังตรงที่ผลลัพธ์ไม่คงทนเหมือนการใช้ซิลิโคนสำเร็จรูป อีกทั้งไม่เหมาะสำหรับคนไข้ที่ผอมมาก มีน้ำหนักที่ไม่เพียงพอ หรือมีอายุมาก เพราะไขมันที่ดูดมาจะเป็นไขมันที่ไม่มีคุณภาพ นอกจากนี้อาจมีอาการบวมช้ำเกิดขึ้นบริเวณที่ดูดไขมัน ทำให้ผิวบริเวณที่ดูดไขมันมีลักษณะเป็นคลื่น หรือรอยตะปุ่มตะป่ำ หากไม่ได้รักษาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
ขั้นตอนการฉีดไขมันหน้า
- แพทย์จะให้คนไข้ดมยาสลบก่อนการผ่าตัด
- จากนั้นแพทย์จะนำไขมันที่ผ่านการแยกเซลล์ออกมาแล้ว นำมาฉีดบริเวณที่ต้องการเติมเต็ม
- หลังจากฉีดเสร็จ สามารถกลับบ้านได้ทันที
3. การผ่าตัดเสริมซิลิโคนหน้าผาก
เป็นการผ่าตัดศัลยกรรมโดยการนำแผ่นซิลิโคนที่มีรูปร่างคล้ายหน้าผากใส่เข้าไปในพื้นที่หน้าผากเดิมของคนไข้ เพื่อให้หน้าผากของคนไข้มีสัดส่วนเข้ารูปกับใบหน้า ส่วนซิลิโคนที่ใช้จะถูกออกแบบและวิเคราะห์ก่อนผ่าตัดโดยแพทย์ท่านนั้น ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับความยินยอมจากคนไข้เองด้วยเพื่อให้ได้โครงสร้างใบหน้าที่คนไข้ต้องการมากที่สุด
ขั้นตอนการผ่าตัดเสริมซิลิโคนหน้าผาก
- แพทย์จะให้คนไข้ดมยาสลบก่อนการผ่าตัด
- แพทย์จะเปิดปากแผลให้เล็กที่สุดบริเวณใต้แนวเส้นผมเพื่อใส่ซิลิโคนเข้าไป
- แพทย์จะใส่ซิลิโคนเข้าไป จากนั้นจึงจัดรูปทรงให้พอดีกับสรีระหน้าผากเเต่ละบุคคล
- หลังจากใส่เสร็จ แพทย์จะเย็บปิดแผลผ่าตัด
เตรียมตัวอย่างไรก่อนการเสริมหน้าผาก
- งดของหมักดองและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 4 สัปดาห์ (ทั้งก่อนและหลังเข้ารับการรักษา)
- งดสูบบุหรี่อย่างน้อย 4 สัปดาห์ (ทั้งก่อนและหลังเข้ารับการรักษา) เนื่องจากเสี่ยงต่อการอักเสบติดเชื้อ
- งดยาบางกลุ่มที่ส่งผลต่อการแข็งตัวของเลือด ได้แก่ ยากลุ่มแอสไพริน (Aspirin) และยากลุ่มไอบูโพรเฟน (Ibuprofen) ยาต้านอักเสบชนิดไม่ใช่สเตียรอยด์, อาหารเสริมกลุ่มวิตามิน E
- งดกิจกรรมที่อาจกระตุ้นการสูบฉีดเลือด โดยเฉพาะการอบซาวน่าและการออกกำลังกายอย่างหนัก
- พักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อย 6 – 8 ชั่วโมงก่อนเข้ารับการรักษา
- หากมีอาการเจ็บป่วยก่อนวันรักษา ควรแจ้งแพทย์ทันที เพื่อให้แพทย์เลื่อนนัดผ่าตัดจนกว่าสุขภาพจะแข็งแรง
- แจ้งโรคประจำตัว ประวัติการแพ้อาหาร, ยา และยาสลบให้แพทย์ทราบ
- สำหรับคนไข้ที่เป็นผู้หญิงควรให้ข้อมูลเรื่องประจำเดือนเพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบต่อการตั้งครรภ์
- คนไข้บางรายที่เสี่ยงต่อระบบภูมิคุ้มกันบกพร่อง ได้แก่ ผู้ป่วยโรคเอดส์, เบาหวาน และไต อาจเสี่ยงต่อปัญหาแผลหายยากและติดเชื้อ จึงจำเป็นที่จะต้องแจ้งให้แพทย์ทราบอย่างเคร่งครัด
ดูแลตัวเองอย่างไรหลังจากเสริมหน้าผาก
- ห้ามนอนราบเด็ดขาด หลังจากฉีดฟิลเลอร์อย่างน้อย 3 – 4 ชั่วโมง
- ห้ามแต่งหน้าหรือใช้ครีมบำรุงผิวหน้าในช่วง 12 ชั่วโมงแรก
- ห้ามออกกำลังกายและงดกิจกรรมที่ทำให้ใบหน้าสัมผัสกับความร้อนในช่วง 48 ชั่วโมงแรก
- ดื่มน้ำปริมาณมากอย่างน้อย 12 แก้ว/วัน เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวหน้า ซึ่งจะช่วยให้ฟิลเลอร์อุ้มน้ำได้ดียิ่งขึ้น
- หากจำเป็นจริง ๆ ควรประคบเย็นตามคำแนะนำของแพทย์เท่านั้น
- งดเลเซอร์ร้อนบริเวณผิวชั้นลึกอย่างน้อย 2 สัปดาห์
เสริมหน้าผากอันตรายไหม มีข้อควรระวังอะไรบ้าง
อันตรายจากการเสริมหน้าผากจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อคนไข้ได้รับการรักษาจากแพทย์ที่ไม่เชี่ยวชาญมากพอ โดยปัญหาส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้น ได้แก่
- เนื้อหน้าผากใสจากการหล่อซิลิโคนที่ตึงหรือคับหน้าผากมากเกินไป
- มีรอยย่น เป็นคลื่น ผิวไม่เรียบเนียนบริเวณหน้าผาก ซึ่งเกิดจากการใช้สารฟิลเลอร์ปลอม หรือตัวแพทย์เองออกแบบซิลิโคนไม่พอดีกับหน้าผาก
- เห็นขอบซิลิโคนกับเนื้อหน้าผากอย่างชัดเจน ซึ่งเกิดจากการหล่อซิลิโคนขนาดไม่พอดีกับหน้าผาก หรือใช้ซิลิโคนที่ไม่ได้มาตรฐาน
- มีรอยเหี่ยวย่นบริเวณหน้าผาก ซึ่งเกิดจากอายุที่มากขึ้นของคนไข้ ทั้งนี้คนไข้อาจเข้ารับบริการด้วยการฉีดโบท็อก, HIFU หรือเทอร์มาจ (Thermage) แทนจะดีกว่าครับ
YKJ Medical Center (ชื่อเดิม “ธีระธรฌ์คลินิก”) ก่อตั้งโดยคุณหมอกัน นพ. รัฐรุจน์ บารมีไชยภัสร์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมความงามและการปรับรูปหน้าระดับนานาชาติ ประสบการณ์กว่า 20 ปี ชำนาญในหลากหลายหัตถการ เช่น จมูกโอเพ่น, ตาสองชั้น, ดึงหน้า, ทำหน้าอก, ฉีดฟิลเลอร์ และอื่นๆ
คุณหมอกันเป็นผู้บุกเบิกการทำจมูกเทคนิคโอเพ่นรายแรกๆ ในประเทศไทย และได้รับเชิญไปเป็นวิทยากรบรรยายด้านความงามหลายครั้งทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะเรื่องการแก้จมูก การทำจมูกเทคนิคโอเพ่น โดย YKJ Medical Center ได้รับรางวัลมากมาย อาทิเช่น
- “THE MOST TRUSTED OPEN TECHNIQUE RHINOPLASTY SPECIALIST 2023” คลินิกที่น่าเชื่อถือที่สุด ในการทำศัลยกรรมจมูกโอเพ่นในประเทศไทย จาก HELLO! MAGAZINE
- “THE BEST OF OPEN RECONSTRUCTION RHINOPLASTY” คลินิกอันดับ 1 ด้านการแก้จมูก และทำจมูกจมูกด้วยเทคนิคโอเพ่น จากสุดสัปดาห์ ประจำปี 2022 – 2023 สองปีซ้อน
- “Customer High Recognition Award 2023” รางวัลคลินิกที่มียอดใช้ผลิตภัณฑ์ Galderma (Filler Restylane) สูงเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศ
นอกจากคุณหมอกันแล้ว คลินิกยังมีทีมแพทย์มากประสบการณ์ท่านอื่นๆ ที่ล้วนแล้วแต่ผ่านการฝึกอบรมหลักสูตรเฉพาะทาง และมีประสบการณ์มาอย่างยาวนาน มั่นใจได้เลยว่าเมื่อคุณมาที่ YKJ Medical Center แล้ว คุณจะได้รับมาตรฐานการดูแลรักษาที่ดีที่สุด ในราคาที่คุ้มค่าอย่างแน่นอน