หน้าแห้งเป็นอีกหนึ่งปัญหาผิวหน้าที่สร้างความรำคาญใจให้ใครหลายคน เพราะนอกจากจะลดความมั่นใจบนใบหน้าแล้วยังก่อให้เกิดปัญหาผิวหน้าอื่นตามมาอีกด้วย ว่าแต่หน้าแห้งมีสาเหตุมาจากอะไร มีวิธีดูแลและป้องกันอย่างไรไม่ให้หน้าแห้งมากวนใจเราอีก วันนี้ผมมีเคล็ด (ไม่) ลับมาฝากสาว ๆ ครับ
ปัญหาหน้าแห้งคืออะไร
เป็นปัญหาผิวหน้าที่เกิดจากการที่ผิวหน้าสูญเสียน้ำจนขาดความชุ่มชื้น มีลักษณะแห้งกร้าน, รู้สึกคันตามผิวหน้า, มีรอยแดง, ลอกเป็นขุย, ผิวซีด, ผิวแตก บางกรณีอาจรุนแรงถึงขั้นปวดหรือติดเชื้อจากการเกา ส่วนสาเหตุของหน้าแห้งเกิดขึ้นได้หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น
- อายุที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากร่างกายผลิตสารเซราไมด์ (Ceramide), กรดไขมัน และคอเลสเตอรอลลดลง เมื่อผลิตสารใต้ผิวหนังชั้นกำพร้าน้อยลง ส่งผลให้ผลัดเซลล์ได้ลดลงและประสิทธิภาพการกักเก็บน้ำในผิวหน้าจึงลดลงตาม
- สภาพอากาศช่วงฤดูหนาวหรือช่วงที่อุณหภูมิและความชื้นลดลงอย่างรวดเร็ว
- การทำงานในห้องแอร์เป็นเวลานาน
- การอยู่ในพื้นที่กลางแจ้งที่มีแดดส่องตลอดเวลา
- การแช่หรืออาบน้ำร้อนเป็นเวลานาน
- ดื่มน้ำน้อย ไม่ตรงตามความต้องการของร่างกาย ส่งผลให้ผิวหน้าขาดความชุ่มชื้น
- รับประทานอาหารที่มีวิตามิน A, C, E และซิงค์ (Zinc) น้อยเกินไป
- การใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนผสมที่ส่งผลต่อความชื้นภายในผิว โดยเฉพาะสูตรขจัดความมัน
- รักษาผิวหน้าด้วยการเลเซอร์เป็นประจำ เนื่องจากอุณหภูมิที่ร้อนของเลเซอร์เจาะเข้าไปยังชั้นผิวและรบกวนต่อมไขมันที่เติมความชุ่มชื้นให้แก่ผิว ทำให้ผิวบางลง
- การรักษาโรคบางชนิด ได้แก่ การรักษาสิว, ฉายแสง, ล้างไต ทำให้ร่างกายสูญเสียความชุ่มชื้น
- ผู้ที่มีผิวหนังอักเสบหรือผิวแห้งง่าย
- ได้รับผลข้างเคียงจากโรคบางชนิด เช่น ดีซ่าน, สะเก็ดเงิน, เบาหวาน เป็นต้น
ป้องกันปัญหาหน้าแห้งอย่างไรได้บ้าง
1. ดื่มน้ำตามความต้องการของร่างกาย
สำหรับหลักการทั่วไปที่คนนิยมใช้กันแบบง่าย คือการดื่มน้ำอย่างน้อยประมาณ 1.5 – 2 ลิตรต่อวัน วันละ 8 – 10 แก้ว แต่หากคุณมีเวลาสักหน่อย ผมขอแนะนำให้คุณคำนวณปริมาณน้ำที่ควรดื่มในแต่ละวันเพื่อให้ได้ปริมาณน้ำที่ตรงกับความต้องการของร่างกายคุณมากที่สุด โดยคำนวณจากสูตรต่อไปนี้
“น้ำหนัก (กิโลกรัม) คูณด้วย 2.2 คูณด้วย 30 หารด้วย 2”
เช่น น้ำหนักตัว 50 กิโลกรัม × 2.2 × 30 / 2 จะเท่ากับ 1,650 มิลลิลิตร หรือ 1.6 ลิตรต่อวัน
2. บำรุงผิวแห้งอย่างถูกวิธี
การบำรุงผิวหน้าที่ดีควรเริ่มจากการล้างหน้าวันละ 2 ครั้ง ช่วงตื่นนอน 1 ครั้ง และก่อนนอนอีก 1 ครั้ง พยายามอย่าล้างหน้าบ่อยจนเกินไป หากรู้สึกคัน แนะนำให้ซับหรือเช็ดหน้าด้วยคลีนเซอร์ที่ปราศจากแอลกอฮอล์, น้ำหอม และสาร SLS (Sodium Lauryl Sulfate) ห้ามล้างหน้าด้วยสบู่สำหรับผิวกาย ควรล้างด้วยผลิตภัณฑ์สำหรับบำรุงผิวหน้าโดยเฉพาะ จากนั้นค่อยทาผิวหน้าด้วยสกินแคร์ที่มีส่วนผสมของมอยซ์เจอไรเซอร์เพื่อให้ผิวชุ่มชื้นประมาณ 2 ครั้งต่อวัน ไม่ควรขัดหรือถูใบหน้าแรงเกินไป และที่สำคัญควรล้างหน้าด้วยน้ำอุณหภูมิห้อง ไม่ร้อนหรือเย็นจัด เพราะจะทำให้ผิวแพ้ง่ายยิ่งขึ้น
3. ทาครีมบำรุงผิวหน้าก่อนออกจากบ้าน
ครีมบำรุงผิวหน้าที่ดีจะต้องมีค่า SPF 30 ขึ้นไป เพื่อป้องกันรังสี UV ในแดดไม่ให้ทำร้ายผิวหน้าจนคล้ำเสียและสูญเสียความชุ่มชื้นจนหน้าแห้ง
4. หลีกเลี่ยงการอยู่ในพื้นที่ที่เสี่ยงทำให้หน้าแห้ง
หากเราอยู่ในพื้นที่ที่มีแสงแดดส่องผิวหน้าหรือพื้นที่ที่มีความชื้นสูงเป็นเวลานาน จะทำให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้นและหยาบกร้าน เกิดอาการระคายเคืองขึ้นมา ทางที่ดีควรหลีกเลี่ยงพื้นที่ดังกล่าว แต่หากเลี่ยงไม่ได้เนื่องจากต้องทำงานในพื้นที่เหล่านั้นก็ควรทาครีมบำรุงผิวหน้าให้ถูกประเภทเพื่อป้องกันผิวหน้าจากสภาวะอากาศที่ทำร้ายผิวโดยไม่รู้ตัว
5. งดล้างหน้าด้วยน้ำอุ่น
แม้ว่าน้ำอุ่นจะช่วยขยายรูขุมขนได้ดี เวลาล้างหน้าจึงทำความสะอาดสิ่งสกปรกได้ง่ายขึ้นก็ตามแต่ความร้อนจากน้ำอุ่นจะทำให้ผิวหน้าสูญเสียน้ำในผิวออกไปจนหมด ส่งผลให้ผิวแห้งกร้านง่ายขึ้น ยิ่งถ้าคุณล้างหน้าด้วยน้ำอุ่นเป็นประจำก็ยิ่งทำให้รูขุมขนขยายตัว สิ่งสกปรกจึงเข้าไปในรูขุมขนง่าย ส่งผลให้รูขุมขนอุดตันตามมา ทางที่ดีควรล้างหน้าด้วยน้ำอุณหภูมิห้องจะดีที่สุดครับ หากเลี่ยงไม่ได้ก็ควรล้างด้วยน้ำอุ่นแล้วตามด้วยน้ำอุณหภูมิห้องนะครับ
6. งดการสัมผัสใบหน้าโดยไม่จำเป็น
เราไม่มีทางรู้ได้เลยว่าสิ่งที่สัมผัสกับใบหน้าของเรามีสิ่งสกปรกใดปนเปื้อนอยู่บ้าง ทางที่ดีผมขอแนะนำให้คุณหลีกเลี่ยงการเกาหรือแตะบนใบหน้าด้วยมือ เนื่องจากเล็บของเราเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคชั้นดี หากรู้สึกคันจนทนไม่ไหวแนะนำให้ล้างหน้าแล้วทาครีมบำรุงผิวหน้าแทนดีกว่าครับ ทั้งนี้ไม่ควรล้างหน้าบ่อยเพราะจะทำให้หน้าแห้งง่ายยิ่งขึ้น
7. ร้อยไหมกระชับหน้า
เป็นการปรับรูปหน้าให้เรียวเล็กเป็นวีไลน์แบบเกาหลี โดยร้อยไหมเข้าไปในผิวหนังเพื่อกระตุ้นการสร้างเส้นเลือดใหม่ ผิวเกิดการไหลเวียนเลือดที่ดีขึ้น ผิวหน้าดูเปล่งปลั่งสดใสขึ้นภายใน 2 – 3 สัปดาห์ นอกจากจะช่วยกระชับใบหน้าให้เต่งตึงและลดริ้วรอยได้ยาวนานถึง 2 ปี ยังปลอดภัยต่อใบหน้าของคนไข้ด้วยเนื่องจากใช้ไหมละลายคุณภาพดี เพื่อให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนทดแทน ส่งผลให้เกิดกระบวนการสร้างคอลลาเจนบริเวณโดยรอบของเส้นไหม นอกจากผิวเต่งตึงแล้วยังช่วยให้ผิวหน้าชุ่มชื้น ลดปัญหาหน้าแห้งได้อีกด้วย
ส่วนไหมที่หมอกันใช้เป็นเส้นไหม SUPER V ที่ทำจากวัสดุที่เป็นไหมละลาย PDO (Polydioxanone) ผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA) ในเรื่องความปลอดภัยในการเย็บแผล เนื่องจากเส้นไหมชนิดนี้มีเงี่ยง 360 องศา เมื่อร้อยเข้าไปยังใต้ผิวหนัง เงี่ยงของไหมจะเกี่ยวพยุงเนื้อเยื่อของใบหน้าเพื่อยกกระชับผิวหน้าไม่ให้ย้อยตกลงมา อีกทั้งสามารถดึงได้ไม่กำจัดอีกด้วย
ร้อยไหมกระชับหน้า อยากหน้าเรียว ร้อยไหมช่วยได้
8. ฉีดเมโส (Meso Arbutin)
เป็นวิธีการรักษาผิวหน้าแบบหนึ่งที่ช่วยซ่อมแซมผิวที่เสียหายจากสิ่งสกปรกและมลภาวะต่าง ๆ อันเป็นสาเหตุที่ทำให้ผิวหน้าแห้ง โดยหมอกันจะฉีด Meso Therapy สูตรเฉพาะเข้มข้นอย่าง Alpha-Arbutin ซึ่งเป็นสารสกัดจากวิตามินและสารบำรุงลงไปในผิวหนังชั้นกลางบนผิวหน้าตามปริมาณที่หมอกันเห็นว่าเหมาะสม เพื่อยับยั้งการผลิตเม็ดสีเมลานินตั้งแต่ต้นทาง ลดการสร้างเม็ดสีที่แตกต่างบนผิวหนัง อีกทั้งกระตุ้นให้เกิดการผลัดเซลล์ผิวใหม่และฟื้นฟูผิวเสื่อมสภาพให้กลับมาขาวกระจ่างใส, คืนความชุ่มชื้นให้แก่ผิว ผิวดูอิ่มเอิบ อีกทั้งขับล้างสารพิษบนใบหน้าอันเป็นสาเหตุของรูขุมขนกว้างด้วย
รวมทุกข้อที่สาว ๆ ควรรู้ ก่อนตัดสินใจฉีดหน้าใส
YKJ Medical Center (ชื่อเดิม “ธีระธรฌ์คลินิก”) ก่อตั้งโดยคุณหมอกัน นพ. รัฐรุจน์ บารมีไชยภัสร์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมความงามและการปรับรูปหน้าระดับนานาชาติ ประสบการณ์กว่า 20 ปี ชำนาญในหลากหลายหัตถการ เช่น จมูกโอเพ่น, ตาสองชั้น, ดึงหน้า, ทำหน้าอก, ฉีดฟิลเลอร์ และอื่นๆ
คุณหมอกันเป็นผู้บุกเบิกการทำจมูกเทคนิคโอเพ่นรายแรกๆ ในประเทศไทย และได้รับเชิญไปเป็นวิทยากรบรรยายด้านความงามหลายครั้งทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะเรื่องการแก้จมูก การทำจมูกเทคนิคโอเพ่น โดย YKJ Medical Center ได้รับรางวัลมากมาย อาทิเช่น
- “THE MOST TRUSTED OPEN TECHNIQUE RHINOPLASTY SPECIALIST 2023” คลินิกที่น่าเชื่อถือที่สุด ในการทำศัลยกรรมจมูกโอเพ่นในประเทศไทย จาก HELLO! MAGAZINE
- “THE BEST OF OPEN RECONSTRUCTION RHINOPLASTY” คลินิกอันดับ 1 ด้านการแก้จมูก และทำจมูกจมูกด้วยเทคนิคโอเพ่น จากสุดสัปดาห์ ประจำปี 2022 – 2023 สองปีซ้อน
- “Customer High Recognition Award 2023” รางวัลคลินิกที่มียอดใช้ผลิตภัณฑ์ Galderma (Filler Restylane) สูงเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศ
นอกจากคุณหมอกันแล้ว คลินิกยังมีทีมแพทย์มากประสบการณ์ท่านอื่นๆ ที่ล้วนแล้วแต่ผ่านการฝึกอบรมหลักสูตรเฉพาะทาง และมีประสบการณ์มาอย่างยาวนาน มั่นใจได้เลยว่าเมื่อคุณมาที่ YKJ Medical Center แล้ว คุณจะได้รับมาตรฐานการดูแลรักษาที่ดีที่สุด ในราคาที่คุ้มค่าอย่างแน่นอน