โบท็อกลิฟกรอบหน้าช่วยได้จริงหรือไม่ เตรียมตัวอย่างไรบ้าง

โบท็อกลิฟกรอบหน้า

สำหรับใครที่กำลังมองหาวิธีแก้ปัญหากรอบหน้าไม่ชัด อาจเคยได้ยินคำว่า โบท็อกลิฟกรอบหน้า มาบ้างแต่อาจไม่รู้จักว่าคืออะไร มีข้อดีข้อเสียในการรักษาอย่างไรบ้าง วันนี้ผมจะมาแนะนำให้รู้จักกันมากยิ่งขึ้นครับ

โบท็อกลิฟกรอบหน้าคืออะไร

ฉีดโบท็อกซ์

เป็นวิธียกกระชับผิวบริเวณกรอบหน้าที่มีความหย่อนคล้อยให้กระชับยิ่งขึ้นด้วยการฉีดสารโบท็อกซ์ (Botulinum toxin type A) โดยแพทย์จะฉีดบนผิวชั้นตื้นช่วงกรอบหน้า เพื่อให้โบท็อกซ์จะเข้าไปกระตุ้นให้เซลล์ผิวหนังบริเวณกรอบหน้าหดตัว กระตุ้นการผลิตคอลลาเจนให้เรียงตัวเป็นระเบียบมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้ผิวหน้ากระชับและเต่งตึงขึ้นทันที กรอบหน้าจึงดูเด่นชัดยิ่งขึ้นหลังจากฉีดภายใน 2 สัปดาห์ โดยทั่วไปจะใช้โบท็อกซ์ประมาณ 30 – 50 ยูนิต ขึ้นอยู่กับยี่ห้อของโบท็อกซ์และปัญหาของคนไข้แต่ละราย และใช้โบท็อกสำหรับลิฟกรอบหน้าทั้งหมด 2 เทคนิค ได้แก่

  • Dermolift เป็นการฉีดโบท็อกลิฟกรอบหน้าเข้าไปจากชั้นผิวหนังตื้น ไล่ตามกรอบหน้าขึ้นไปยังหนังศีรษะ ทำให้เกิดการหดตัวของผิวหนังบริเวณกรอบหน้า ช่วยยกกระชับกรอบหน้าให้ดูมีมิติมากขึ้น อีกทั้งกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนตามแนวกรอบหน้า ผลจากเทคนิคนี้จะเห็นผลลัพธ์เพียงแค่ 1 – 2 เดือนเท่านั้น จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์เร่งด่วน แต่ทางเราขอไม่แนะนำให้ทำบ่อย ๆ เพราะอาจเกิดโอกาสดื้อโบท็อกตามมาได้
  • Nefertiti lift เป็นการฉีดโบท็อกยกกระชับผิวหน้า โดยฉีดโบท็อกไปยังกล้ามเนื้อ Platysma หรือกล้ามเนื้อที่หุ้มคอและแก้มส่วนล่างเอาไว้ หากคนไข้มีปัญหากล้ามเนื้อคอหดจนดึงผิวส่วนแก้มลงมา ส่งผลให้ใบหน้าหย่อนคล้อยตามมานั่นเอง เมื่อฉีดโบท็อกเข้าไปกล้ามเนื้อ Platysma จะทำให้กล้ามเนื้อส่วนที่ดึงผิว มีแรงดึงและยกใบหน้าให้กระชับ มุมปากยกสูงขึ้น ใบหน้าจึงดูเรียวและดูเด็กลง ผลจากเทคนิคนี้จะเห็นผลลัพธ์เพียง 3 – 4 เดือน

ข้อดีของการลิฟกรอบหน้าด้วยการโบท็อก

  • ช่วยให้กรอบหน้าดูกระชับ หน้าเรียวมากขึ้น
  • ไม่มีอาการเจ็บขณะรักษาแต่อย่างใด แต่อาจรู้สึกเพียงแค่ตอนจิ้มเข็มและเดินยาเท่านั้น
  • ไม่ต้องผ่าตัดจึงไม่ต้องพักฟื้นนาน
  • ฉีดซ้ำได้ ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย
  • หากฉีดร่วมกับโบท็อกลดกราม จะเห็นผลลัพธ์ดียิ่งขึ้น

โบท็อกซ์แต่ละยี่ห้อแตกต่างกันอย่างไร?

โบท็อกซ์ที่นิยมใช้และได้รับการรับรองจาก อย. ประเทศไทย มีหลายยี่ห้อ แต่ละยี่ห้อจะมีคุณสมบัติ, ความบริสุทธิ์ของตัวยา, ปริมาณสารสำคัญ, การออกฤทธิ์ รวมถึงประเทศและบริษัทที่ผลิตแตกต่างกัน ตามรายละเอียดดังต่อไปนี้

1. อัลเลอร์แกน (Allergan)

Allergan

เนื่องจากเป็นโบท็อกซ์มีคุณภาพดี จึงนิยมใช้กันมาอย่างยาวนาน ผลิตจากประเทศสหรัฐอเมริกา นอกจากนี้ยังเป็นตัวยาที่ได้รับการพัฒนาให้ผู้ใช้มีโอกาสดื้อยาน้อยที่สุด หากฉีดกับหมอที่มีความชำนาญและประสบการณ์สูง ผลจากการฉีดจึงจะแม่นยำและตรงจุด เนื่องจากตัวยากระจายตัวในวงแคบนั่นเอง

2. ซีโอมิน (Xeomin)

Xeomin

ผลิตจากประเทศเยอรมนี เหมาะสำหรับคนไข้ที่เคยฉีดโบท็อกซ์ถี่เกินไป หรือเกิดการดื้อยามาก่อน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับอายุของริ้วรอยของคนไข้ด้วย

3. ดิสพอร์ต (Dysport)

ผลิตจากประเทศอังกฤษ ตัวยาออกฤทธิ์กระจายตัวได้ดี ช่วยลดริ้วรอยและยกกระชับกรอบหน้า หากใช้ในส่วนของร่างกายก็เหมาะกับฉีดบริเวณกว้างด้วย

4. โบทูแล็กซ์ (Botulax)

ผลิตจากประเทศเกาหลี ออกฤทธิ์ค่อนข้างไวและเห็นผลเร็วกว่าโบท็อกตัวอื่น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปริมาณตัวยาที่ฉีดและความลึกของริ้วรอยของคนไข้

5. นาโบตะ (Nabota)

Nabota

ผลิตจากประเทศเกาหลี ตัวยามีความความบริสุทธิ์สูงและเน้นการลดริ้วรอยหน้าผาก หางตา กล้ามเนื้อกราม แถมยังช่วยปรับรูปหน้าให้สมดุลขึ้นด้วย

6. Neuronox

Neuronox

ผลิตจากประเทศเกาหลี ตัวยากระจายตัวได้ค่อนข้างดีและแม่นยำ จึงฉีดได้ทั้งบริเวณกล้ามเนื้อเล็กและกล้ามเนื้อใหญ่

ขั้นตอนการฉีดโบท็อกซ์ลิฟกรอบหน้า

  • แพทย์จะประเมินและพูดคุยเกี่ยวกับปัญหาของคนไข้ เพื่อให้คนไข้เลือกยี่ห้อของโบท็อกซ์ที่ใช้ฉีด
  • แพทย์จะใช้น้ำแข็งประคบบริเวณที่จะฉีดก่อน (จะใช้ยาชาเฉพาะบางเคสเท่านั้น)
  • แพทย์จะเลือกใช้เข็มขนาดเล็กเพื่อให้ฉีดได้ในปริมาณที่พอเหมาะ โดยจะใช้เวลาประมาณ 10 – 15 นาที

ดูแลตัวเองอย่างไรหลังจากโบท็อกลิฟกรอบหน้า

ฉีดโบท็อกซ์

  • หลังจากฉีดเสร็จอาจมีรอยเข็ม หรือรอยบวมแดงเล็กน้อย สามารถใช้น้ำแข็งประคบเพื่อบรรเทาอาการ
  • ห้ามนอนราบหลังฉีดฟิลเลอร์อย่างน้อย 3 – 4 ชั่วโมง
  • ห้ามแต่งหน้าและห้ามใช้ครีมบำรุงผิวหน้าทุกชนิดในช่วง 12 ชั่วโมงแรก
  • ห้ามออกกำลังกายและห้ามสัมผัสความร้อนบริเวณใบหน้าในช่วง 48 ชั่วโมงแรก
  • ดื่มน้ำในปริมาณมากประมาณ 12 แก้ว/วัน เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวหน้า ช่วยให้ฟิลเลอร์อุ้มน้ำได้ดียิ่งขึ้น
  • หากมีความจำเป็น ควรประคบเย็นตามคำแนะนำของแพทย์เท่านั้น
  • งดการสัมผัสใบหน้า ไม่ว่าจะเป็นการนวด, บีบ หรือกดบริเวณที่ฉีดอย่างน้อยประมาณ 6 – 8 ชั่วโมง เพื่อไม่ให้ฤทธิ์ยากระจายไปยังบริเวณอื่นของใบหน้า
  • งดเลเซอร์ร้อนบริเวณผิวชั้นลึกทุกชนิด อย่างน้อย 2 สัปดาห์

YKJ Medical Center ยืน 1 ด้านศัลยกรรม เสริมความงาม

โดยหมอกัน อาจารย์แพทย์ด้านการทำจมูกเทคนิคโอเพ่น และการปรับรูปหน้าระดับนานาชาติ

YKJ Medical Center (ชื่อเดิม “ธีระธรฌ์คลินิก”) ก่อตั้งโดยคุณหมอกัน นพ. รัฐรุจน์ บารมีไชยภัสร์ แพทย์ผู้ชำนาญด้านศัลยกรรมความงามและการปรับรูปหน้าระดับนานาชาติ ประสบการณ์กว่า 20 ปี โดดเด่นในหลากหลายหัตถการ เช่น เสริมจมูกโอเพ่น , ทำตาสองชั้น , ดึงหน้า , เสริมหน้าอก , ฉีดฟิลเลอร์ และอื่นๆ

คุณหมอกันเป็นผู้บุกเบิกการทำจมูกเทคนิคโอเพ่นรายแรกๆ ในประเทศไทย และได้รับเชิญไปเป็นวิทยากรบรรยายด้านความงามหลายครั้งทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะเรื่องการแก้จมูก การทำจมูกเทคนิคโอเพ่น โดย YKJ Medical Center ได้รับรางวัลมากมาย อาทิเช่น

  • “THE MOST TRUSTED OPEN TECHNIQUE RHINOPLASTY SPECIALIST 2023” คลินิกที่น่าเชื่อถือที่สุด ในการทำศัลยกรรมจมูกโอเพ่นในประเทศไทย จาก HELLO! MAGAZINE ประจำปี 2023
  • “THE BEST OF OPEN RECONSTRUCTION RHINOPLASTY” คลินิกยืน 1 ด้านการแก้จมูก และทำจมูกจมูกด้วยเทคนิคโอเพ่น จากสุดสัปดาห์ ประจำปี 2022 – 2023 สองปีซ้อน
  • “Customer High Recognition Award 2023” รางวัลคลินิกที่มียอดใช้ผลิตภัณฑ์ Galderma (Filler Restylane) สูงเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศ ประจำปี 2023

นอกจากคุณหมอกันแล้ว YKJ Medical Center ยังมีแพทย์มากประสบการณ์ท่านอื่นๆ ที่ล้วนแล้วแต่มีประสบการณ์มาอย่างยาวนาน สามารถมั่นใจได้เลยว่าเมื่อมาที่ YKJ Medical Center แล้ว จะได้รับมาตรฐานการดูแลรักษาที่ดี ในราคาที่คุ้มค่าอย่างแน่นอน

คลิกจองคิวหรือปรึกษาฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย

โทรปรึกษา

บทความที่น่าสนใจ

home หน้าแรก promotion โปรโมชั่น tel ปรึกษาฟรี line ปรึกษาฟรี