Thermatight หรือเทอร์มาไทท์ เป็นนวัตกรรมที่เป็นที่นิยมในปัจจุบัน นอกจากจะช่วยรักษาปัญหาผิวหย่อนคล้อยได้แล้วยังช่วยสลายไขมัน ทำให้ผิวกระชับเต่งตึงและใบหน้าดูเด็กอีกด้วย ว่าแต่เทอร์มาไทท์คืออะไร มีข้อดีข้อเสียอย่างไรบ้าง วันนี้เราจะพามาทำความรู้จักกันครับ
Thermatight คืออะไร
เทอร์มาไทท์ เป็นเครื่องยกกระชับและปรับรูปหน้า ทำงานด้วยการส่งพลังงานคลื่นวิทยุ (Monopolar RF) ลงลึกไปยังชั้นผิว จากชั้นหนังแท้ไปจนถึงชั้นไขมันด้วยคลื่นความถี่ที่สม่ำเสมอ เพื่อให้เกิดความร้อนใต้ผิวในอุณหภูมิ 60 องศาเซลเซียส จนเกิดการหดรัดตัวของเส้นใยคอลลาเจน อีลาสตินและเนื้อเยื่ออื่นของผิวหนัง เพื่อกระตุ้นให้เกิดการซ่อมแซมและสร้างคอลลาเจน ส่งผลให้โครงสร้างผิวถูกปรับเปลี่ยนให้แข็งแรงขึ้น เพิ่มอัตราการไหลเวียนเลือดในบริเวณที่รักษา กระตุ้นการเผาผลาญพลังงานในเซลล์ไขมัน (Adipocyte cells) นอกจากนี้ยังช่วยชะลอริ้วรอยก่อนวัยได้ดีอีกด้วย และที่สำคัญวิธีการรักษาด้วยเครื่องเทอร์มาไทท์ไม่จำเป็นต้องผ่าตัดศัลยกรรมแต่อย่างใดจึงไม่ต้องพักฟื้นและสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ
ข้อดีของการทำ Thermatight
- เห็นผลทันทีหลังการรักษา ผลลัพธ์อยู่ได้นานประมาณ 3 – 6 เดือน
- ให้ผลลัพธ์ต่อเนื่องยาวนาน เนื่องจากแก้ปัญหาความหย่อนคล้อยได้ถึงต้นตอ แตกต่างจากการฉีด Botox ที่เห็นผลแค่ชั่วคราวตามฤทธิ์ยา
- เนื่องจากมีระบบสั่นและระบบให้ความเย็นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ไม่รู้สึกแสบผิวด้านบน คนไข้จึงรู้สึกผ่อนคลายและไม่เจ็บปวดระหว่างการรักษา ทำให้สามารถรักษาได้อย่างต่อเนื่อง โดยส่วนใหญ่ใช้เวลารักษาเพียง 30 – 45 นาทีเท่านั้น
- ระบบมีความปลอดภัยสูง จึงสามารถรักษาได้ทั้งใบหน้าและรอบดวงตา ไม่ว่าจะเป็นคิ้ว ชั้นเปลือกตา ถุงใต้ตา
- นอกจากนี้ยังสามารถกระชับสัดส่วนทั่วบริเวณลำตัว หน้าท้อง ท้องแขน หรือต้นขาได้อีกด้วย
Thermatight เหมาะกับใครบ้าง
- ผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อย ต้องการยกกระชับใบหน้าและแก้ม
- ผู้ที่ต้องการสลายไขมันบนใบหน้า
- ผู้ที่มีกรอบหน้าไม่ชัด มีเหนียง
- ผู้ที่มีริ้วรอยลึกตามส่วนต่าง ๆ โดยเฉพาะตีนกาและริ้วรอยบนหน้าผาก
ขั้นตอนการรักษา
- พบแพทย์เพื่อประเมินและวิเคราะห์ปัญหาของใบหน้าเบื้องต้น
- จากนั้นแพทย์จะทา Cooling Gel หรือเจลเย็น เพื่อบรรเทาอาการ ไม่ให้ใบหน้ารู้สึกร้อนเกินไป
- แพทย์จะใช้เครื่องเทอร์มาไทท์ถูวนรอบ ๆ ใบหน้า โดยจะใช้เวลาต่อครั้งประมาณ 30 – 45 นาที
วิธีการดูแลตัวเองหลังการรักษา
- ดื่มน้ำในปริมาณมาก
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
- ทานยาแก้ปวดทันที หากมีอาการผิดปกติบริเวณที่รักษา หากอาการไม่ดีขึ้น ให้รีบมาพบแพทย์ทันที
- ส่วนระยะเวลาที่เริ่มเห็นผลอยู่ในช่วง 1 – 3 วัน ขึ้นอยู่กับปัญหาของแต่ละบุคคล
YKJ Medical Center (ชื่อเดิม “ธีระธรฌ์คลินิก”) ก่อตั้งโดยคุณหมอกัน นพ. รัฐรุจน์ บารมีไชยภัสร์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมความงามและการปรับรูปหน้าระดับนานาชาติ ประสบการณ์กว่า 20 ปี ชำนาญในหลากหลายหัตถการ เช่น จมูกโอเพ่น, ตาสองชั้น, ดึงหน้า, ทำหน้าอก, ฉีดฟิลเลอร์ และอื่นๆ
คุณหมอกันเป็นผู้บุกเบิกการทำจมูกเทคนิคโอเพ่นรายแรกๆ ในประเทศไทย และได้รับเชิญไปเป็นวิทยากรบรรยายด้านความงามหลายครั้งทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะเรื่องการแก้จมูก การทำจมูกเทคนิคโอเพ่น โดย YKJ Medical Center ได้รับรางวัลมากมาย อาทิเช่น
- “THE MOST TRUSTED OPEN TECHNIQUE RHINOPLASTY SPECIALIST 2023” คลินิกที่น่าเชื่อถือที่สุด ในการทำศัลยกรรมจมูกโอเพ่นในประเทศไทย จาก HELLO! MAGAZINE
- “THE BEST OF OPEN RECONSTRUCTION RHINOPLASTY” คลินิกอันดับ 1 ด้านการแก้จมูก และทำจมูกจมูกด้วยเทคนิคโอเพ่น จากสุดสัปดาห์ ประจำปี 2022 – 2023 สองปีซ้อน
- “Customer High Recognition Award 2023” รางวัลคลินิกที่มียอดใช้ผลิตภัณฑ์ Galderma (Filler Restylane) สูงเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศ
นอกจากคุณหมอกันแล้ว คลินิกยังมีทีมแพทย์มากประสบการณ์ท่านอื่นๆ ที่ล้วนแล้วแต่ผ่านการฝึกอบรมหลักสูตรเฉพาะทาง และมีประสบการณ์มาอย่างยาวนาน มั่นใจได้เลยว่าเมื่อคุณมาที่ YKJ Medical Center แล้ว คุณจะได้รับมาตรฐานการดูแลรักษาที่ดีที่สุด ในราคาที่คุ้มค่าอย่างแน่นอน