แม้ว่าในปัจจุบันจะมีทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการลบรอยสักมากมาย แต่การลบรอยสักด้วยเลเซอร์ถือเป็นวิธีที่น่าสนใจสำหรับใครหลายคน เพราะนอกจากจะเห็นผลชัดเจนแล้วยังคุ้มค่าคุ้มราคาต่อผู้ใช้บริการจริงอีกด้วย ว่าแต่มีเลเซอร์แบบไหนที่ใช้ลบรอยสักบ้าง มาดูไปพร้อมกันเลยครับ
การลบรอยสักด้วยเลเซอร์คืออะไร
ต้องเข้าใจก่อนว่าการสักเป็นการใช้เข็มสักหรือเครื่องสักแทงเข้าไปยังชั้นผิวหนังเพื่อให้เกิดแผลขนาดเล็กและนำเม็ดสีเข้าสู่ผิวหนัง แม้ว่าแผลจะตกสะเก็ดและหายแล้วก็ตาม แต่เม็ดสีจะยังคงอยู่ในชั้นผิวตลอดไป ทั้งนี้การสักมีทั้งสักลายเพื่อความสวยงามและสักเพื่อเพิ่มความสวยงามบนใบหน้า เช่น สักคิ้ว, สักขอบตา, สักปาก แต่หากวันหนึ่งคุณต้องการลบรอยสักขึ้นมา แพทย์จะใช้เลเซอร์สำหรับลบรอยสักในการรักษาให้แก่คุณ โดยจะใช้เครื่องยิงคลื่นพลังงานเลเซอร์เข้าไปยังใต้ชั้นผิว เพื่อลดเม็ดสีผิวที่เกิดจากน้ำหมึกของเครื่องสักและทำให้เม็ดสีแตกตัวอย่างละเอียดจนกลายเป็นโมเลกุลที่เล็กลง หลังจากการรักษาร่างกายจะกำจัดออกตามกลไกธรรมชาติ รอยสักจึงค่อย ๆ จางลงตามความถี่ของการรักษา ส่วนระยะเวลาในการรักษาจะอยู่ที่ 1 ปีขึ้นไป โดยทั่วไปแพทย์จะใช้เวลาลบสีเดียวประมาณ 8 ครั้ง (ทุก 1-2 เดือน) ซึ่งในการรักษาแต่ละครั้งจะสร้างรอยแผลขนาดเล็กหรือใหญ่แตกต่างกันไป รวมถึงเกิดความไม่สม่ำเสมอของสีผิวบริเวณที่ลบอีกด้วย การทำให้ผิวมีสีดังเดิมนั้นค่อนข้างยาก ทั้งนี้ระยะเวลาของการรักษาจะขึ้นอยู่กับ
- ขนาดของรอยสัก หากเป็นรอยสักขนาดเล็ก อาจใช้ระยะเวลาลบเร็วกว่ารอยสักขนาดใหญ่
- สีของรอยสัก หากเป็นสีเข้ม เช่น สีดำและสีส้ม จะใช้เวลาลบไม่กี่รอบ แต่หากเป็นสีสว่างอย่างสีแดง, สีเหลือง อาจใช้เวลาลบหลายรอบ เพราะจะต้องเปลี่ยนเป็นสีดำก่อนเพื่อใช้เลเซอร์ลบออกอีกที
- ตำแหน่งของรอยสัก มีผลต่อแผลเป็นหลังลบรอยสักโดยตรง ได้แก่ หน้าอก, แผ่นหลัง และใบหน้า ซึ่งเป็นบริเวณที่เกิดแผลง่าย โดยเฉพาะบริเวณใบหน้า หากรอยสักอยู่ใกล้ดวงตามากเท่าไหร่ก็ยิ่งเสี่ยงต่อจอประสาทตาและอาจสูญเสียการมองเห็นได้ด้วย
- ระดับความลึกของรอยสัก โดยทั่วไปช่างสักควรลงเข็มลึกประมาณ 2 มิลลิเมตร ไม่เกิน 3 มิลลิเมตร แต่หากเป็นช่างสักที่ไม่ชำนาญ อาจลงสีในระดับที่ไม่สม่ำเสมอ เม็ดสีแต่ละพื้นที่จึงอยู่ลึกไม่เท่ากัน ยิ่งถ้าช่างใช้เข็มสักยันต์แทงสีเข้าไปลึกถึงผิวหนังชั้นหนังแท้แล้ว จะทำให้เม็ดสีถูกฝังลึกไปถึงชั้นผิว ไม่สามารถลบออกได้ไปตลอดชีวิต
เลเซอร์ที่ใช้ในการลบรอยสักมีกี่ประเภท
- Ruby Laser เป็นเลเซอร์ที่ใช้กับรอยโรคที่เกิดจากเม็ดสีและรอยสักโดยเฉพาะ ส่วนหลักการทำงานของเลเซอร์ประเภทนี้จะระเบิดเม็ดสีให้กระจายออก ช่วยให้เม็ดสีจางลง เมื่อสะเก็ดหลุดหลังจากการรักษาแล้วจะไม่เกิดแผลเป็น ส่วนระยะเวลาในการรักษาอาจต้องทำประมาณ 5-6 ครั้ง เม็ดสีถึงจะจางและหมดไปเอง
- Q-Switch Laser เป็นเลเซอร์ที่ทำงานโดยปล่อยคลื่นแสงที่มีความเข้มและความหนาแน่นสูงในช่วงเวลาสั้น ๆ ทำให้ลำแสงที่มีฤทธิ์ทำลายเม็ดสีถูกดูดซับโดยเม็ดสีและฮีโมโกลบิน เหมาะสำหรับลบรอยสักสีแดง รวมถึงกระแดด, ฝ้า, ปานแดง ฯลฯ ช่วยให้สีผิวเปลี่ยนแปลง ดูเรียบเนียนขึ้น อีกทั้งไม่รู้สึกเจ็บปวดขณะรักษาและไม่มีแผลหลังการรักษาอีกด้วย
- Pico Laser เป็นเลเซอร์ที่พัฒนาขึ้นเพื่อลบรอยสักและปรับสีผิวให้กระจ่างใสขึ้น ซึ่งเทคโนโลยีนี้จะใช้พลังงานสูงในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ เม็ดสีจึงแตกตัวอย่างละเอียด เพื่อให้ร่างกายกำจัดออกตามกลไกธรรมชาติ โดยแสงเลเซอร์จะเลือกจับเฉพาะสีหมึกจากรอยสัก ทำให้เกิดความร้อนกับผิวข้างเคียงน้อยกว่าเลเซอร์รุ่นก่อน จึงทำลายผิวรอบข้างน้อยกว่าและใช้เวลารักษาน้อยกว่าเลเซอร์แบบเดิม เหมาะสำหรับสีหมึกทุกรูปแบบ และที่สำคัญให้ความรู้สึกระคายเคืองน้อยกว่าเลเซอร์ชนิดอื่นอีกด้วย นอกจากนี้พลังงานแสงที่มีความถี่สูงมากจะเปลี่ยนสสารเป็นแรงดันเล็ก ๆ ระดับนาโน กระจายทั่วผิวหนังไปยังระดับคอลลาเจนลึก เกิดการสร้างอิลาสตินและคอลลาเจนขึ้นมาใหม่จำนวนมาก อีกทั้งกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ผิวจึงดูกระชับแน่น เรียบเนียน และกระจ่างใสขึ้นหลังการรักษา นับเป็นเทคโนโลยีที่ปลอดภัยและรักษาได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะช่วยให้ผลลัพธ์ในการรักษารวดเร็วยิ่งขึ้น
ลบรอยสักด้วยเลเซอร์เจ็บไหม
หากเป็นเครื่อง Q-Switch Laser จะให้ความรู้สึกเจ็บมาก แถมยังใช้เวลาพักฟื้นนาน แต่หากเป็นเครื่อง Pico Laser จะให้ความรู้สึกเจ็บน้อยกว่าเนื่องจากเลเซอร์ไม่ได้ทำลายผิวโดยรอบ แถมไม่ต้องพักฟื้นและเห็นผลลัพธ์ในการรักษาที่ชัดเจน ดังนั้นหากคุณมีงบมากหน่อยแนะนำให้ใช้บริการเลเซอร์ Pico จะดีที่สุดครับ
เตรียมตัวอย่างไรก่อนลบรอยสัก
- ปรึกษาแพทย์เพื่อวางแผนการรักษาที่ได้ผลลัพธ์ที่เหมาะกับผู้ใช้บริการมากที่สุด
- หลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้งอย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนเข้ารับการรักษา
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 1 สัปดาห์ก่อนเลเซอร์ลบรอยสัก เพื่อป้องกันอาการช้ำเลือด
- งดทานยาหรือวิตามินที่มีผลต่อเลือดโดยตรง เพื่อป้องกันอาการช้ำเลือดและบวม
- งดใช้เครื่องสำอางและครีมบำรุงผิวบริเวณที่จะทำเลเซอร์
ดูแลผิวหลังลบรอยสักให้แผลหายเร็วขึ้นโดยการ…
- ประคบผิวด้วยน้ำแข็งอย่างเบามืออย่างน้อย 20 นาที
- ทายาปฏิชีวนะที่แพทย์จ่ายมาให้อย่างเคร่งครัด
- หลีกเลี่ยงการให้แผลสัมผัสน้ำอย่างน้อย 24 ชั่วโมง เพราะอาจทำให้แผลหายช้า แต่หากแผลโดนน้ำให้รีบซับให้แห้งทันที
- หลีกเลี่ยงการอยู่ในพื้นที่ที่มีแสงแดดและทาครีมกันแดดเป็นประจำ
- หากมีอาการคัน แนะนำให้ทาวาสลีนหรือครีมทาหลังลบรอยสัก
จะเริ่มเห็นผลการรักษาตั้งแต่เมื่อไหร่
สำหรับ Pico laser จะเริ่มเห็นผลหลังจากรักษา 2 ครั้ง ซึ่งจะจางลงไปเองเกือบ 100% ช่วยให้ผิวดูเรียบเนียน ไม่ตกสะเก็ด ไม่เกิดรอยแผลเป็น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความเข้มของสีและขนาดของรอยสักของแต่ละบุคคล
YKJ Medical Center (ชื่อเดิม “ธีระธรฌ์คลินิก”) ก่อตั้งโดยคุณหมอกัน นพ. รัฐรุจน์ บารมีไชยภัสร์ แพทย์ผู้ชำนาญด้านศัลยกรรมความงามและการปรับรูปหน้าระดับนานาชาติ ประสบการณ์กว่า 20 ปี โดดเด่นในหลากหลายหัตถการ เช่น เสริมจมูกโอเพ่น , ทำตาสองชั้น , ดึงหน้า , เสริมหน้าอก , ฉีดฟิลเลอร์ และอื่นๆ
คุณหมอกันเป็นผู้บุกเบิกการทำจมูกเทคนิคโอเพ่นรายแรกๆ ในประเทศไทย และได้รับเชิญไปเป็นวิทยากรบรรยายด้านความงามหลายครั้งทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะเรื่องการแก้จมูก การทำจมูกเทคนิคโอเพ่น โดย YKJ Medical Center ได้รับรางวัลมากมาย อาทิเช่น
- “THE MOST TRUSTED OPEN TECHNIQUE RHINOPLASTY SPECIALIST 2023” คลินิกที่น่าเชื่อถือที่สุด ในการทำศัลยกรรมจมูกโอเพ่นในประเทศไทย จาก HELLO! MAGAZINE ประจำปี 2023
- “THE BEST OF OPEN RECONSTRUCTION RHINOPLASTY” คลินิกยืน 1 ด้านการแก้จมูก และทำจมูกจมูกด้วยเทคนิคโอเพ่น จากสุดสัปดาห์ ประจำปี 2022 – 2023 สองปีซ้อน
- “Customer High Recognition Award 2023” รางวัลคลินิกที่มียอดใช้ผลิตภัณฑ์ Galderma (Filler Restylane) สูงเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศ ประจำปี 2023
นอกจากคุณหมอกันแล้ว YKJ Medical Center ยังมีแพทย์มากประสบการณ์ท่านอื่นๆ ที่ล้วนแล้วแต่มีประสบการณ์มาอย่างยาวนาน สามารถมั่นใจได้เลยว่าเมื่อมาที่ YKJ Medical Center แล้ว จะได้รับมาตรฐานการดูแลรักษาที่ดี ในราคาที่คุ้มค่าอย่างแน่นอน