การผ่าตัดดึงหน้า (Facelift) สุดยอดหัตถการความงามที่จะช่วยยกกระชับผิวหน้าได้ครอบคลุมทุกส่วน ไม่ว่าจะเป็นการผ่าตัดดึงหน้าส่วนบน ส่วนกลาง ส่วนล่าง และการยกกระชับผิวส่วนลําคอ ให้ผิวหน้ากลับมาดูเรียบเนียน เต่งตึงปรับให้ใบหน้าดูเรียวเล็ก กรอบหน้าคมชัดได้สัดส่วนยิ่งกว่าเก่า บอกลาปัญหาริ้วรอยร่องลึก ผิวเหี่ยวย่น หย่อนคล้อยไปตามกาลเวลา เสริมความมั่นใจให้มากยิ่งกว่าที่เคย

คุณเหน่ง กุลธิดา เย็นประเสริฐ Miss Thailand Universe คนแรกของประเทศไทย ผ่าตัดดึงหน้า Scarless Facelift กับคุณหมอกัน

Mr.Angelo (อายุ 58) เคยผ่านการดึงหน้ามาแล้วที่อเมริกา แต่ยังประสบปัญหาหย่อนคล้อย ครั้งนี้จึงมาแก้ดึงหน้ากับคุณหมอเอก แบบ Full Facelift เทคนิค Deep Plane Facelift คุณ Angelo พึงพอใจกับผลลัพธ์มาก หลังผ่านไป 1 เดือนบหน้าดูอ่อนเยาว์ลง และด้วยเทคนิคเฉพาะที่ YKJ Medical Center Scarless Facelift ทำให้แผลผ่าตัดแทบมองไม่เห็น

คุณจุ๊บ (อายุ 49) ภรรยาชาวไทยของคุณแองเจโร่ หลังจากประทับใจผลลัพธ์ของสามีจากการดึงหน้าเทคนิค Deep Plane Facelift ที่ YKJ Medical Center จึงตัดสินใจบินมาทำบ้าง คุณจุ๊บดึงหน้าทั้งหมด 3 ส่วน หลังผ่านไปเพียง 11 วันบวมชํ้าน้อยมาก และดูอ่อนเยาว์ลงอย่างเห็นได้ชัด

คุณน้อง (อายุ 66) หลังผ่าตัดดึงหน้าเทคนิค Deep Plane Facelift กับคุณหมอเอกผ่านไป 14 วัน บวมชํ้าน้อย หน้ายกกระชับขึ้นมาก ดูอ่อนกว่าวัยอย่างเห็นได้ชัด

คุณน้อย (อายุ 59) ผ่าตัดดึงหน้า Full Facelift กับคุณหมอเอก รอยเหี่ยวย่นและริ้วรอยแห่งวัยลดลง หน้าดูตึงกระชับขึ้นมาก
ข้อดีของการดึงหน้าเทคนิค Deep Plane Facelift
- สามารถแก้ไขปัญหาความหย่อนคล้อยได้คลอบคลุมกว่าเทคนิคทั่วไป ทั้งเหนียง รอยย่น และการสูญเสียความอิ่มเอิบของแก้ม
- สามารถยกกระชับใบหน้าให้ดูเป็นธรรมชาติได้มากกว่าการดึงหน้าแบบดั้งเดิม เนื่องจากไม่ทำให้ผิวตึงเกินไป
- ผลลัพธ์ของการดึงหน้าแบบ Deep Plane นั้นสามารถคงอยู่ได้นานกว่าการดึงหน้าแบบดั้งเดิม
- มีแนวโน้มที่จะเกิดภาวะแทรกซ้อนน้อยกว่า เช่น ใบหน้าไม่สมมาตร หรืออาการชา
- เป็นเทคนิคมาตรฐานที่ใช้กันทั่วโลก แต่แพทย์ต้องมีความรู้ความชำนาญอย่างลึกซึ้ง
ที่ YKJ Medical Center ไม่ใช่แค่การศัลยกรรมผ่าตัดดึงหน้า แต่คุณหมอกันและทีมแพทย์ยังดูเรื่องการการปรับโหงวเฮ้งให้กับใบหน้าอีกด้วย โดยคุณหมอมีความเชี่ยวชาญในหลากหลายหัตถการที่เกี่ยวกับรูปหน้า เช่น การเสริมจมูกหรือแก้จมูก การทำตาสองชั้น การฉีดฟิลเลอร์ปรับรูปหน้า ซึ่งได้รับการยอมรับจากสื่อ และความไว้วางใจจากดาราคนดังมากมาย การันตีฝีมือด้วยประสบการณ์กว่า 20 ปี




สำหรับ คุณหมอเอก (นพ. พงษ์วัฒน์ พลพงษ์) เป็นอาจารย์แพทย์ด้านศัลยกรรมระบบประสาท (Neurological Surgery) คุณหมอมีความรู้ความชำนาญด้านสมองและกายวิภาคศาสตร์ของโครงสร้างใบหน้าเป็นอย่างดี จึงทำให้คุณหมอสามารถออกแบบการผ่าตัดได้อย่างแม่นยำและปลอดภัย ซึ่งความรู้นี้มีประโยชน์อย่างยิ่งในการผ่าตัดดึงหน้าเทคนิค Deep Plane Facelift
เพราะ Deep Plane Facelift เป็นการดึงหน้าชั้นลึกกว่า SMAS ซึ่งต้องอาศัยความเชี่ยวชาญในการหลีกเลี่ยงเส้นเลือดต่างๆ ที่อาจทำให้เกิดอันตราย หากแพทย์ไม่เข้าใจ Anatomy ของใบหน้าอย่างลึกซึ้ง อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนได้ เช่น เลือดออก บวมช้ำ เส้นประสาทเสียหาย ส่งผลกระทบต่อใบหน้าและการทำงานของใบหน้า
ทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้าน ศัลยกรรมผ่าตัดดึงหน้า

- การผ่าตัดดึงหน้า (Facelift) คืออะไร?
- ใครบ้างที่ควรผ่าตัดดึงหน้า?
- Scarless Facelift เทคนิคการดึงหน้า ที่ YKJ Medical Center
- การผ่าตัดดึงหน้าทําตําแหน่งใด? และแต่ละตําแหน่งช่วยแก้ปัญหาอะไร?
- หัตถการดึงหน้า (Facelift) ร้อยไหม และเลเซอร์ยกกระชับ ต่างกันอย่างไร?
- การดูแลตัวเองหลังการผ่าตัดดึงหน้า
- ทําไมถึงต้องผ่าตัดดึงหน้าที่ YKJ Medical Center?
- 6 คำถามที่พบบ่อย เกี่ยวกับการผ่าตัดดึงหน้า
การผ่าตัดดึงหน้า (Facelift) คือ การผ่าตัดศัลยกรรมเพื่อยกกระชับและตกแต่งกล้ามเนื้อบนผิวหน้าให้กลับมาอยู่ในตําแหน่งที่เหมาะสม ปรับผิวให้ดูเต่งตึง ขจัดปัญหาความหย่อนคล้อย ผิวเหี่ยวย่น รวมถึงปัญหาริ้วรอยร่องลึกบนผิวหน้าให้หายไปอย่างรวดเร็ว ปรับกรอบหน้าให้คมชัดได้มิติ ช่วยให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ราวกับวัยแรกรุ่น คงผลลัพธ์หลังการรักษาได้นาน 5-10 ปี

เมื่ออายุมากขึ้น ผิวหนังจะเริ่มสูญเสียความกระชับ เนื่องจากคอลลาเจน อิลาสติน และเนื้อเยื่อเส้นใยเริ่มสลายตัว ซึ่งในบรรดาหัตถการยกกระชับผิวทั้งหมด อาจกล่าวได้ว่า การผ่าตัดดึงหน้า (Facelift) เป็นหัตถการยกกระชับผิวที่ให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจน และอยู่ได้นานมากที่สุด

การผ่าตัดดึงหน้า เป็นหัตถการยกกระชับผิวที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย ผิวหน้าดูเหี่ยวย่น และผู้ที่มีปัญหาผิวเหล่านี้
- ผู้ที่มีปัญหารอยเหี่ยวย่นหน้าผาก รอยย่นระหว่างคิ้ว มีร่องลึกหน้าผาก ที่สังเกตเห็นได้อย่างชัดเจน
- ผู้ที่มีปัญหาหนังตาตก คิ้วตก หางตาตก หรือมีปัญหากล้ามเนื้อตาหย่อน โรคกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง (Ocular Myasthenia Gravis) จนส่งกระทบต่อการมองเห็น ทําให้ใช้ชีวิตประจําวันได้ลําบาก
- ผู้ที่มีปัญหาริ้วรอยรอบดวงตา และรอยตีนกา
- ผู้ที่มีปัญหาแก้มหย่อนคล้อย แก้มห้อย จนทําให้ใบหน้าทั้ง 2 ข้างดูไม่สมมาตร
- ผู้ที่มีคาง 2 ชั้น มีเหนียงเยอะ ทําให้กรอบหน้าไม่คมชัด หน้าดูกลม หน้าบาน
- ผู้ที่มีผิวบริเวณลําคอเหี่ยวย่น มีรอยพับ
- ผู้ที่เคยยกกระชับผิวหน้าด้วยหัตถการอื่นๆ มาก่อนแล้ว เช่น การร้อยไหม ฉีดโบท็อกซ์ การเลเซอร์ Hifu, Thermage, Ulthera แต่ไม่เห็นผล หรือไม่ตอบโจทย์ความต้องการ

การผ่าตัดดึงหน้า ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญประจําธีระธรฌ์คลินิก มี 2 รูปแบบ คือ
- Facelift ทั้งแบบเฉพาะส่วนหรือการผ่าตัดแบบแผลเล็ก (Mini Facelift) และการผ่าตัดดึงหน้าแบบทั่วทั้งใบหน้า (Full Facelift) ได้แก่ การผ่าตัดดึงหน้าส่วนบน การผ่าตัดดึงหน้าส่วนกลาง การผ่าตัดดึงหน้าส่วนล่าง และการผ่าตัดดึงส่วนลําคอ (Neck Lift)
- Deep Plane Facelift เป็นการผ่าตัดดึงหน้าหน้าขั้นสูง ซึ่งมุ่งเป้าไปที่เนื้อเยื่อชั้นลึกของใบหน้ากว่าชั้น SMAS รวมถึงกล้ามเนื้อและแผ่นไขมัน วิธีนี้จะให้ผลลัพธ์ที่เด่นชัดและยาวนานกว่าการผ่าตัดยกกระชับใบหน้าแบบดั้งเดิม (Facelift) ซึ่งมุ่งเน้นที่ผิวหนังและเนื้อเยื่อส่วนตื้น
- ดึงหน้ายกคิ้วเทคนิค Endotine เป็นการใช้ Endotine ซึ่งเป็นวัสดุชนิดทางการแพทย์ที่ออกแบบมาพิเศษ เข้าไปยึดเกาะเนื้อเยื่อภายใน เพื่อยกคิ้วหรือดึงในส่วนของหน้าผากให้สูงขึ้น โดยวัสดุนี้ไม่เป็นอันตราย และสามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ

Scarless Facelift เป็นเทคนิคการเย็บแผลเฉพาะที่ YKJ Medical Center ซึ่งทำให้ได้รอยแผลที่เนียนสวย เรียบเนียน สวยงาม และหายเร็วขึ้น นอกจากนี้ยังให้ผลลัพธ์ที่ยาวนานกว่า

ขั้นตอนการผ่าตัด จะเริ่มจากการผ่าตัดเพื่อเปิดแผล จากนั้นแพทย์จะค่อยๆ เคลียร์เนื้อเยื่อ โดยเริ่มทําการเลาะชั้นผิวหนังทีละชั้น เริ่มจากบริเวณผิวหนังชั้นนอก (Epidermis) ชั้นหนังแท้ (Dermis) ขั้นไขมัน (Subcutis) จนกระทั่งไปถึงชั้นกล้ามเนื้อส่วนบน หรือผิวหนังชั้น SMAS (Superficial Musculo Aponeurotic System) ที่มีลักษณะเป็นเนื้อเยื่อพังผืด ซึ่งมีความเหนียวและหนามากเป็นพิเศษ เป็นชั้นผิวที่มีบทบาทสําคัญในการยกกระชับผิวหน้าให้เต่งตึง
หลังจากนั้นแพทย์จะทําการเย็บขึงผิวชั้น SMAS ไว้เป็นจุดๆ สำหรับในบางกรณี เช่น บริเวณหน้าผากด้านบน ใบหน้าส่วนล่างและบริเวณลําคอ แพทย์อาจพิจารณาใช้เทคนิคการฝังเอนโดไทน์ (Endotine) ลงในชั้นผิวเพื่อปรับให้ผิวชั้นนี้ตึงกระชับมากที่สุด จากนั้นจึงทําการดึงผิวชั้นบนให้ตึงมากขึ้นด้วยการตัดแต่งเนื้อเยื่อและผิวหนังส่วนเกินออก และเย็บปิดแผลด้วยการใช้ไหมเส้นเล็กร่วมกับการใช้เทคนิคซ่อนแผล เพื่อทําให้มีรอยแผลเป็นขนาดเล็ก สังเกตเห็นได้ยาก

แผลผ่าตัดหลังผ่านไปเพียง 1 เดือน ด้วยเทคนิค Scarless Facelift

ผิวหนังที่ถูกตัดออกจากขั้นตอนการดึงหน้า (Facelift)
ทีมแพทย์ธีระธรฌ์คลินิก มีเทคนิคเฉพาะในการดึงชั้นผิวหนังที่คลอบคลุมในหลายๆ ชั้นผิว และเทคนิคในการการเย็บปิดแผลที่แตกต่างจากการดึงหน้าโดยปกติทั่วไป จึงทำให้
- ยกกระชับผิวหน้าที่หย่อนคล้อย และริ้วรอยเหี่ยวย่นต่างๆ อย่างเห็นผล มากกว่าการดึงหน้าโดยเทคนิคปกติทั่วไป
- แผลเนียนสวยและฟื้นฟูไว ลดโอกาสเกิดแผลเป็นหรือคีลอยด์ได้มากกว่า
- ให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนและยาวนานกว่า
โดยทุกหัตถการที่ YKJ Medical Center เราเน้นเรื่องผลลัพธ์และความปลอดภัยสูงสุด โดยคำนึงถึงประโยชน์ของคนไข้มาเป็นอันดับหนึ่ง

การผ่าตัดดึงหน้าเพื่อช่วยยกกระชับผิวหน้าให้เต่งตึงและเรียบเนียนมากยิ่งขึ้น สามารถเลือกทําได้หลากหลายตําแหน่ง โดยคนไข้สามารถเลือกทําเฉพาะส่วนแบบแผลเล็ก (Mini Facelift) หรือเลือกผ่าตัดดึงหน้าแบบทั่วทั้งใบหน้า (Full Facelift) ในตําแหน่งต่างๆ ได้ โดยมีรายละเอียดดังนี้
- ดึงหน้าส่วนบน (Upper Facelift / Temporal Lift) เป็นการดึงหน้าในบริเวณหน้าผาก ขมับ และช่วงหางตาให้ยกขึ้น เหมาะกับผู้ที่มีปัญหารอยย่นหน้าผาก รอยย่นระหว่างคิ้ว คิ้วตก ผู้ที่มีปัญหาหนังตาตก ตาดูเศร้า ดูง่วงตลอดเวลา ตลอดไปจนถึงผู้ที่มีปัญหากล้ามเนื้อตาอ่อนแรง จนอาจรบกวนการมองเห็น
- ดึงหน้าส่วนกลาง (Mid Facelift) เป็นวิธีการที่ช่วยแก้ไขความหย่อนคล้อยในบริเวณส่วนกลางของใบหน้า ได้แก่ ริ้วรอยใต้ตา ร่องน้ําตา ริ้วรอยบริเวณร่องแก้ม และปัญหาแก้มหย่อนคล้อย
- ดึงหน้าส่วนล่าง (Lower Facelift) เป็นการผ่าตัดดึงหน้าเพื่อแก้ไขความหย่อนคล้อย และริ้วรอยต่าง ๆ ในช่วงส่วนล่างของใบหน้า ได้แก่ ร่องน้ําหมาก ริ้วรอยบริเวณมุมปากและริ้วรอยรอบปาก แก้มส่วนล่าง เหนียงหรือคาง 2 ชั้น โดยการดึงหน้าส่วนล่างจะช่วยปรับรูปหน้าให้ดูเรียวเล็กลง และทําให้กรอบหน้าดูคมชัดมีมิติมากขึ้น
- ดึงคอ (Neck Lift) เป็นวิธีการผ่าตัดเพื่อดึงผิวหนังบริเวณลําคอให้เต่งตึงมากยิ่งขึ้น ช่วยแก้ปัญหาผิวบริเวณลําคอเหี่ยวย่นและหย่อนคล้อย คอมีรอยพับ คอเป็นชั้นหรือมีเหนียงที่คอ เพื่อปรับให้คอดูกระชับและเต่งตึง เป็นวิธีที่ช่วยเก็บกรอบหน้าให้คมชัดมากยิ่งขึ้น
- ยกคิ้วด้วยเทคนิค Endotine เป็นเทคนิคการผ่าตัดยกกระชับผิวที่มีแผลผ่าตัดขนาดเล็ก โดยแพทย์จะทําการฝังเอนโดไทน์ (Endotine) เพื่อช่วยยึดล็อกหน้าผากให้สูงขึ้น แก้ปัญหาคิ้วตกหรือหย่อนคล้อย

การยกคิ้วด้วย Endotine

ลักษณะของ Endotine ที่ใช้ยึด
ตัวเอนโดไทน์ (Endotine) เป็นวัสดุทางการแพทย์ที่ผลิตมาจากวัสดุธรรมชาติ มีอยู่ด้วยกันหลายรูปแบบ ทั้งแบบเป็นเส้นยาวหรือแบบเป็นชิ้นสามเหลี่ยมเล็ก ๆ คล้ายหมุด มีก้านคล้ายหนามยื่นออกมาโดยรอบ เพื่อช่วยกระจายแรงยึดและเสริมประสิทธิภาพในการยกกระชับผิว ทั้งยังช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนใหม่ ๆ ในชั้นผิว ทําให้ผิวดูเรียบเนียนและเต่งตึงอย่างเป็นธรรมชาติ เมื่อเวลาผ่านไปประมาณ 1-2 ปี เอนโดไทน์จะค่อย ๆ สลายตัวไปจนหมด แต่จะคงผลลัพธ์เรื่องผิวยกกระชับได้นาน 5-10 ปี




ผลลัพธ์ Endotine

ผลลัพธ์จากการดึงหน้า Full Facelift ร่วมกับการยกคิ้ว Endotine
สำหรับการดึงหน้าแบบทั่วทั้งหน้า หรือ Full Facelift เป็นวิธีการดึงหน้าในทุกๆ ส่วน เพื่อหวังผลในด้านการย้อนวัยแบบเห็นผลลัพธ์ที่สุด โดยแพทย์จะใช้หลายๆ เทคนิคผสมผสานกัน ตามแต่ปัญหาของคนไข้
ยกตัวอย่างเช่น ถ้าคนไข้มีปัญหาคิ้วตกมากๆ ดึงหน้าอย่างเดียวอาจไม่เห็นผลลัพธ์ด้านความเยาว์วัยแบบเต็มที่ แพทย์อาจพิจารณาทำ Full Facelift ร่วมกับ Endotine หรือในกรณีที่จะดึงคอ (Neck Lift) ถ้าบริเวณคอของคนไข้มีไขมันสะสมมากๆ หรือมีเหนียงเยอะ แพทย์จะทำการดูดไขมันออกก่อน เพื่อไม่ให้ย้วย และเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนที่สุด
คลิกอ่านเพิ่มเติม : Endotine ดึงหน้าผาก ยกคิ้ว แก้ปัญหาความหย่อนคล้อยอย่างเห็นผล

การผ่าตัดดึงหน้า ร้อยไหม และการใช้เลเซอร์เพื่อการยกกระชับผิว เป็นหัตถการที่ล้วนแล้วแต่มีวัตถุประสงค์เพื่อการยกกระชับผิวให้เต่งตึง ปรับรูปหน้าให้เรียวสวยได้รูปและทําให้ใบหน้าโดยรวมของเราดูเด็กลง แต่ทั้ง 3 หัตถการ (การดึงหน้าการร้อยไหม และการเลเซอร์) ก็มีข้อแตกต่างกัน ดังนี้
การดึงหน้าเป็นวิธียกกระชับผิวที่จะต้องใช้การผ่าตัด มีการใช้ยาชาหรือยาสลบร่วมกับขั้นตอนการรักษา ใช้เวลาในการผ่าตัดนานตั้งแต่ 2-4 ชั่วโมง ในขณะเดียวกันการร้อยไหมหรือการเลเซอร์ เป็นหัตถการยกกระชับผิวที่ไม่ต้องใช้การผ่าตัดใหญ่ ใช้แค่เพียงการฉีดหรือแปะยาชาเพื่อบรรเทาอาการเจ็บ ใช้เวลาในการรักษาเพียง 30-50 นาที
การผ่าตัดดึงหน้าใช้ระยะเวลาในการพักฟื้นนานมากที่สุด โดยใช้เวลาในการพักฟื้นจนกว่าแผลจะหายสนิทประมาณ 1-3 เดือน ในขณะที่การร้อยไหมใช้เวลาพักฟื้นประมาณ 4-7 วัน และการเลเซอร์ใช้เวลาพักฟื้นน้อยที่สุด ประมาณ 2-3 วัน ก็สามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ
การผ่าตัดดึงหน้าและการร้อยไหมจะเห็นผลลัพธ์เรื่องความตึงกระชับได้ทันทีหลังการรักษา ส่วนการเลเซอร์ยกกระชับผิว เช่น การทํา Hifu, Thermage, Ulthera สามารถเห็นผลลัพธ์หลังการรักษาได้ทันที 20-30% และจะค่อย ๆ เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนมากขึ้นเรื่อย ๆ หลังช่วง 2-3 เดือนขึ้นไป
การผ่าตัดดึงหน้าเป็นวิธีการยกกระชับผิวที่ให้ผลลัพธ์กึ่งถาวร โดยจะช่วยให้ผิวยกกระชับได้นานมากที่สุดประมาณ 5-10 ปี ส่วนการร้อยไหมและการเลเซอร์จะให้ผลลัพธ์แบบชั่วคราว โดยการร้อยไหมอยู่ได้นานประมาณ 4-12 เดือน (ขึ้นอยู่กับชนิดของไหมที่ใช้ เช่น ไหมเรียบ ไหมเงี่ยง และไหมโครงตาข่าย) ส่วนการเลเซอร์ยกกระชับผิว จะอยู่ได้นาน 6-12 เดือน
การผ่าตัดดึงหน้าจะมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูงเพราะต้องใช้การผ่าตัดใหญ่ โดยทั่วไปราคาจะเริ่มต้นที่ 90,000 บาท รองลงมาคือการทําเลเซอร์ ที่มีระดับราคาแตกต่างกันไปตามจํานวนช็อตที่ใช้ มีราคาเริ่มต้นตั้งแต่หลักพันไปจนถึงหลักหมื่น และการร้อยไหมที่มีราคาเริ่มต้นตั้งแต่หลักพันไปจนถึงหลักหมื่นเช่นเดียวกัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับยี่ห้อและจํานวนเส้นไหมที่ใช้ในการรักษา
อ่านเพิ่มเติม: ความรู้เกี่ยวกับการร้อยไหม

เพื่อช่วยลดโอกาสที่แผลผ่าตัดจะเกิดอาการบวมช้ําหรืออักเสบ จนทําให้แผลหายได้ช้า คนไข้ควรดูแลตัวเองหลังการผ่าตัดดึงหน้า ดังนี้
- ประคบเย็นในช่วง 2-3 วันหลังการผ่าตัดดึงหน้า โดยการใช้เจลแพ็กหรือผ้าขนหนูเปียกแช่ช่องแข็ง แล้วห่อด้วยผ้าสะอาดใช้ประคบที่แผลอย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยลดความเจ็บปวดและอาการบวมช้ําของแผล
- ห้ามไม่ให้แผลโดนน้ําอย่างน้อย 1 สัปดาห์ เพื่อป้องกันไม่ให้แผลอักเสบและหายช้า
- หลีกเลี่ยงการแคะ แกะ เกา หรือใช้นิ้วสัมผัสบริเวณแผล เพื่อป้องกันไม่ให้แผลติดเชื้อและอักเสบ
- ควรหนุนศีรษะด้วยหมอนสูง อย่างน้อย 3-7 วันหลังการผ่าตัดดึงหน้า เพื่อช่วยลดอาการบวม
- ดูแลทําความสะอาดแผลตามคําแนะนําของแพทย์อย่างเคร่งครัด ทานยาที่ทางคลินิกจัดให้ต่อเนื่องกันจนหมด และเข้าพบแพทย์ตามนัดทุกครั้ง
- งดย้อนสีผม ยืดผมหรือการทําเคมีใด ๆ ที่ผม อย่างน้อย 1 เดือนหลังการผ่าตัดดึงหน้า
- งดทานอาหารที่มีส่วนกระตุ้นให้แผลผ่าตัดเกิดอาการอักเสบ บวม แดง หรืออาหารที่อาจทําให้เกิดอาการแพ้ อย่างน้อย 2 สัปดาห์หลังการผ่าตัด เช่น อาหารหมักดอง อาหารกึ่งสุกกึ่งดิบ อาหารที่มีรสจัด อาหารทะเล รวมไปจนถึงเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ และงดสูบบุหรี่
- ในช่วง 1-2 สัปดาห์แรกหลังการผ่าตัด ควรเลือกกินอาหารที่มีรสอ่อน ๆ เนื้อนิ่มและเคี้ยวง่าย เพื่อป้องกันไม่ให้โครงหน้าเคลื่อนมากเกินไป หรือทําให้เจ็บแผลผ่าตัดในระหว่างการเคี้ยวอาหาร
- หลีกเลี่ยงการทํากิจกรรมหนัก ๆ ที่ทําให้ศีรษะ ใบหน้า และลําคอได้รับแรงกระทบกระเทือนอย่างรุนแรงอย่างน้อย 2 สัปดาห์หลังการผ่าตัดดึงหน้า เช่น การออกกําลังกายหนัก ๆ การวิ่ง การกระโดด เป็นต้น


“ดึงหน้าอย่างเห็นผล สวยอย่างแกรนด์” ต้องธีระธรฌ์คลินิก
ผ่าตัดดึงหน้าที่ไหนดี? ต้องธีระธรฌ์คลินิก รับประกันทุกผลลัพธ์ ผิวสวยอ่อนวัย ใบหน้าดูเต่งตึงกระชับอย่างเป็นธรรมชาติ ที่สำคัญ มีความปลอดภัย
- ดูแลทุกขั้นตอนโดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์การรักษามามากกว่า 10 ปี
- ห้องผ่าตัดปลอดเชื้อ สะอาด ได้มาตรฐาน
- ผ่าตัดด้วยเทคนิค Deep Plane Facelift ควบคู่กับเทคนิคเฉพาะของคลินิก “Scarless Facelift” ในการเย็บแบบซ่อนแผล ทำให้รอยแผลมีขนาดเล็ก เนียนสวย หายไว และที่สำคัญให้ผลลัพธ์ในการยกกระชับที่ดีกว่า
- ออกแบบและวางแผนการรักษาเฉพาะรายบุคคล เพื่อให้ผลลัพธ์ที่เข้ากับใบหน้าของคนไข้มากที่สุด ช่วยย้อนวัยลงได้กว่า 10 ปี ทำครั้งเดียวผลลัพธ์ยาวนาน 5-10 ปี
- คลินิกได้รับความไว้วางใจจากดารา คนดัง นางงาม และนักธุรกิจ การันตีด้วยรางวัลมากมาย




ระยะเวลาที่สําหรับการผ่าตัดดึงหน้าจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับบริเวณที่ต้องการผ่าตัด เช่น การผ่าตัดดึงหน้าทั่วทั้งหน้า (Full Face Lift) จะใช้เวลาในการรักษาประมาณ 3-4 ชั่วโมง หรือการผ่าตัดดึงหน้าเฉพาะส่วนหรือแบบแผลเล็ก (Mini Face Lift) จะใช้เวลารักษาน้อยกว่า โดยอาจใช้เวลาประมาณ 1-2 ชั่วโมง
การผ่าตัดดึงหน้าเป็นหัตถการยกกระชับผิวที่ให้ผลลัพธ์ในระดับกึ่งถาวร ไม่สามารถอยู่ได้ตลอดชีวิต โดยจะสามารถคงผลลัพธ์อยู่ได้ประมาณ 5-10 ปี ทั้งนี้ผลลัพธ์หลังการรักษาก็จะแตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับอายุ สภาพผิว และวิธีการดูแลผิวของคนไข้หลังเข้ารับการผ่าตัดดึงหน้า
การผ่าตัดดึงหน้า (Face Lift) สามารถเริ่มทําได้ตั้งแต่ช่วงแรก ๆ ที่ผิวเริ่มมีปัญหาหย่อนคล้อย เช่น ในช่วงอายุ 30 ปี โดยสามารถเลือกผ่าตัดดึงหน้าเฉพาะส่วนที่มีปัญหา เช่น ดึงหน้าส่วนบนสําหรับคนที่มีริ้วรอยหน้าผากค่อนข้างชัด หรือการดึงหน้าส่วนล่างสําหรับคนที่มีเหนียงเยอะ มีคางสองชั้น หรือดึงหน้าทั่วทั้งหน้าก็สามารถทําได้เช่นเดียวกัน ทั้งนี้แพทย์จะเป็นผู้ประเมินปัญหาผิวและเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสมมากที่สุด
หลังการผ่าตัดดึงหน้าอาจเกิดอาการบวมหรือช้ําที่บริเวณแผลผ่าตัด โดยจะมีรอยช้ําอย่างชัดเจนในช่วง 1-3 วันแรก และเมื่อผ่านไปประมาณ 3-4 สัปดาห์รอยบวม รอยช้ําจะค่อย ๆ ยุบตัวลงและหายไปจนหมด
ผู้ที่มีโรคประจําตัว หรือผู้ที่อยู่ในกลุ่มเหล่านี้ ควรหลีกเลี่ยงการผ่าตัดดึงหน้า
- ผู้หญิงที่กําลังอยู่ในระหว่างการตั้งครรภ์ หรือคุณแม่ที่กําลังอยู่ในช่วงให้นมบุตร
- ผู้ที่มีโรคประจําตัวที่เป็นข้อห้ามหรือมีข้อจํากัดในการผ่าตัดใหญ่ เช่น ผู้ที่ป่วยเป็นโรคเกี่ยวกับการแข็งตัวของเลือดผิดปกติ โรคเกี่ยวกับการไหลเวียนของเลือด ผู้ที่ใช้เครื่องกระตุ้นการทํางานของหัวใจ (Pacemaker) ผู้ป่วยโรคเบาหวาน โรคมะเร็ง โรคที่มีความผิดปกติเกี่ยวกับการหายของแผล ฯลฯ
- ผู้ที่มีประวัติแพ้ยาชาหรือแพ้ยาสลบ
หลังการผ่าตัดดึงหน้าอาจมีรอยแผลของการผ่าตัด จึงควรทิ้งช่วงให้แผลแห้งและเริ่มสมานตัวดีก่อนประมาณ 1-2 สัปดาห์ หลังจากนั้นสามารถแต่งหน้าได้ตามปกติ