
การปลูกผม
ปัญหาผมหลุดร่วง ผมบาง ศีรษะล้าน หรือหัวเถิก ถือเป็นปัญหาใหญ่ที่ทำให้คนเรากังวลใจ ขาดความมั่นใจในตัวเองไปไม่น้อย อีกทั้งยังจัดการได้ยาก และยาวนาน หลายคนจึงมองหาวิธีแก้ไขที่เห็นผลดี ซึ่ง “การปลูกผม” นับว่าเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก และได้ผลลัพธ์ที่ดี สำหรับใครที่กำลังคิดจะปลูกผม แต่ยังสงสัย มีคำถามมากมายไม่ว่าจะเป็นสาเหตุเกิดจากอะไร การปลูกผมทำอย่างไรบ้าง รวมไปถึงเลือกคลินิกแบบไหนดี วันนี้หมอมีคำตอบ บอกแบบเจาะลึกถึงข้อมูลที่ทุกคนควรทราบก่อนจะปลูกผม!! เพราะปลูกผมทั้งที ต้องเลือกให้ดีไปเลย

ทำไมต้องปลูกผม ?
การปลูกผมมีจุดประสงค์เพื่อช่วยเพิ่มความมั่นใจและปรับปรุงบุคลิกภาพ และถือเป็นการศัลยกรรมความงามชนิดหนึ่ง อีกทั้งการปลูกผมยังมักใช้เพื่อช่วยรักษาปัญหาศีรษะล้านจากกรรมพันธุ์ (Andorgenetic Alopecia) ที่เกิดจากการถ่ายทอดยีนศีรษะล้านระหว่างคนในครอบครัว รวมถึงยังใช้ควบคู่กับการรักษาในผู้ป่วยที่มีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนจนทำให้ศีรษะล้าน
การปลูกผมคืออะไร?
การปลูกผม (Hair Transplantation) คือ การศัลยกรรมผิวหนังรูปแบบหนึ่ง เพื่อปลูกผมให้ได้หนาและดกมากขึ้น ด้วยการย้ายเซลล์รากผมที่สมบูรณ์แข็งแรงจากบริเวณหนึ่งไปยังอีกบริเวณหนึ่งที่ต้องการปลูกผม ซึ่งเส้นผมจะงอกขึ้นใหม่อย่างสมบูรณ์ภายใน 12-18 เดือน ในปัจจุบันคนจึงหันมาเลือกปลูกผมมากขึ้น เพราะสามารถปรับรูปลักษณ์ เสริมความมั่นใจ ให้กลับมาดูอ่อนวัยอีกครั้ง
ผมร่วง ผมบาง หัวล้าน เกิดจากสาเหตุอะไรบ้าง?

1. พันธุกรรม ปัญหาผมบาง ศีรษะล้าน พบได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิง เกิดจากฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน (Testosterone) หรือฮอร์โมนผู้ชายถูกเปลี่ยนเป็นดีเอชที (Dihydrotestosterone) ส่งผลให้ผมที่เกิดมาใหม่ค่อยๆ เส้นเล็กลง รวมไปถึงบางลงเรื่อยๆ ซึ่งต้องอธิบายก่อนว่า ฮอร์โมนตัวนี้จะมีในร่างกายผู้หญิงอยู่แล้วในปริมาณเล็กน้อย แต่เมื่ออายุเพิ่มขึ้นฮอร์โมนเพศหญิงจะลดลง ส่งผลให้ฮอร์โมนตัวนี้เด่นขึ้น ทำให้ผมร่วงและบางลง โดยเริ่มจากบริเวณกลางศีรษะก่อนขยายวงกว้าง ส่วนผู้ชายจะเริ่มจากบริเวณด้านหน้า

2. สารเคมี มีอยู่หลายสาเหตุด้วยกัน ไม่ว่าจะเกิดจากการทำสี ดัด ย้อม ฟอก หากยิ่งใช้สารเคมีที่ไม่ได้มาตรฐาน เมื่อสะสมมากขึ้นจะสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจนว่าผมเริ่มบางและร่วงเป็นจุดๆ แนะนำให้ปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำ ส่วนอีกสาเหตุเกิดจากการทานยาบางชนิดที่มีผลต่อการหลุดร่วงของผม หรือเกิดภาวะผมร่วง เช่น ผู้ป่วยไทรอยด์ ผู้ป่วยมะเร็ง

3. ฮอร์โมน การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนสามารถส่งผลให้ผลร่วงได้ เช่น คุณแม่ช่วงตั้งครรภ์ ช่วงหลังคลอด ซึ่งจะกลับสู่ภาวะสมดุลเป็นปกติในช่วง 3-6 เดือนนั้นเอง

4. สารอาหาร สารอาหารบางชนิดช่วยบำรุงผมได้ดี ช่วยให้ผมสวยและสุขภาพดี เช่น โปรตีน โอเมก้า3 และวิตามินบี เพราะหากขาดสารอาหารเหล่านี้อาจส่งผลให้ผมหยุดการเจริญเติบโต แห้ง และหลุดร่วงได้ ทั้งนี้สาเหตุที่พบได้มากที่สุด คือ พันธุกรรม ซึ่งพบมากกว่า 90% ส่วนสาเหตุอื่นๆ พบน้อยมากประมาณ 5-10%
บอกลาผมบาง หัวล้าน ด้วยนวัตกรรมที่ดี !! การปลูกผมมีกี่แบบ?
1. การปลูกผมแบบ FUT : Follicular Unit Transplantation เป็นการปลูกผมแบบผ่าตัดเป็นวิธีที่ใช้ตั้งแต่มีศัลยกรรมปลูกผมช่วงเริ่มแรก ในปัจจุบันไม่ค่อยนิยมแล้ว โดยแพทย์จะนำหนังศีรษะบริเวณที่มีผม คือบริเวณท้ายทอยมาเย็บประกบกันกับบริเวณที่ต้องการปลูกผม เหมาะสำหรับคนที่ต้องการปลูกครั้งละจำนวนมาก ซึ่งบริเวณที่ถูกผ่าตัดนำหนังศีรษะออกอาจจะกลายเป็นรอยแผลเป็นตามรอยแผลเย็บในภายหลัง และเสี่ยงการติดเชื้อได้ง่าย เนื่องจากต้องรอเวลาพักฟื้นนาน
2. การปลูกผมแบบ FUE : Follicular Unit Extraction เป็นการปลูกผมแบบเจาะ ได้รับการพัฒนาขึ้นจากแบบเดิม โดยการเจาะเอาเซลล์รากผมทีละกอ (กราฟ) บริเวณท้ายทอย เพราะเป็นบริเวณที่สมบูรณ์แข็งแรงที่สุด ได้รับผลของฮอร์โมน DHT น้อยที่สุด ย้ายมาปลูกบริเวณที่ต้องการปลูก วิธีนี้ได้รับความนิยมมาก เนื่องจากไม่ต้องผ่าตัดให้มีรอยแผลเป็น และลดความเสี่ยงเรื่องการติดเชื้อด้วย แต่คุณภาพของเซลล์เซลล์รากผมอาจจะลดลงเล็กน้อย เพราะต้องพักอยู่นอกร่างกาย ระหว่างที่นำเซลล์รากผมออกมาให้ครบตามที่ต้องการปลูก รวมไปถึงการกดเจาะของแพทย์ ต้องชำนาญเพื่อรักษาคุณภาพไม่ให้เซลล์รากผมช้ำ วิธีนี้จะเกิดรอยแผลเป็นตามจุดที่เจาะด้วย
3. การปลูกผมแบบ GHI : Gun Hair Implantation เป็นการปลูกผมถาวรด้วยเทคนิค FUE ประเภทหนึ่ง ซึ่งก็คือ มีขั้นตอนการเจาะนำกราฟที่บริเวณท้ายทอย (Donor Area) ออกมาเช่นเดียวกัน แต่ในขั้นตอนการปลูกหากเป็นเทคนิค FUE แบบดั้งเดิมแพทย์จะต้องใช้เข็มเจาะลงไปบนหนังศีรษะก่อนเพื่อให้เกิดรู แล้วจึงใช้ forceps คีบกราฟผมมาปักลงไปในรอยเจาะนั้น แต่หากเป็นเทคนิค GHI สามารถปักและปลูกผมทีละเส้นได้ภายในครั้งเดียว ด้วยเครื่องมือเฉพาะที่ชื่อว่า GHI Implanter
4. การปลูกผมแบบ Long Hair GHI เป็นการปลูกผมถาวรย้ายราก เพราะเป็นการย้ายรากผมทั้งกราฟโดยไม่ต้องโกนผมก่อน หรือก็คือการปลูกผมที่เส้นโดนไม่ต้องตัด และที่พิเศษอีกอย่างหนึ่งคือ ที่ YKJ Medical Centerปลูกโดยการใช้ GHI Implanter แบบพิเศษสำหรับใช้กับผมยาว ทำให้คุณมั่นใจได้ว่าการปลูกผมเทคนิคใหม่นี้ จะเป็นเรื่องยากมากๆ ที่จะสังเกตุว่าคุณได้ทำการปลูกผมแล้ว เว้นเสียแต่ว่าหน้าของคุณจะเด็กลง จนคนรอบข้างรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลง และกรอบหน้าของคุณจะชัดเจนขึ้น

การเตรียมตัวก่อนปลูกผม
ก่อนการเข้ารับการรักษา 1 สัปดาห์
- หากมีการทานยาประจำ ให้แจ้งแพทย์ก่อนเสมอ เพื่อพิจารณาหยุดยาบางกลุ่มก่อนทำกาปลูกผม
- ควรงดยา Minoxidill หรือ Rogaine แอสไพริน หรือยาแก้อักเสบที่มีแอสไพริน งดวิตามินอี งดน้ำมันปลา และยาทุกชนิดที่เกี่ยวข้องกับการแข็งตัวของเลือด สำหรับยาประจำตัวอื่นๆ สามารถทานได้ตามปกติ
- ควรหยุดใช้น้ำมันแต่งผม น้ำยาดัดผม น้ำยาย้อมผม น้ำยายืดผม น้ำยาโกรกผม หรือสารเคมีแปลกๆ ก่อนการปลูกผมอย่างน้อย 2 อาทิตย์
- ท่านต้องทำสีผม ควรทำก่อนการรักษาอย่างน้อย 2 สัปดาห์ เนื่องจากหลังการปลูกผม FUE ท่านไม่สามารถทำสีผมได้อย่างน้อย 1 เดือน
- งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และงดสูบบุหรี่
ก่อนการรักษา 1 วัน
- สวมเสื้อเชิร์ตชนิดมีกระดุมหน้า เพื่อหลีกเลี่ยงการกระทบกระเทือนกราฟ
- สระผมด้วยแชมพูฆ่าเชื้อ และเป่าผมให้แห้ง 1 คืนก่อนการรักษา
- แนะนำให้มีเพื่อน หรือคนมารับหลังการรักษา ไม่ควรขับรถเอง เพราะท่านต้องทานยาแก้อักเสบ และอาจมีอาการมึน หรือง่วง
- มาถึงคลินิกตามเวลานัด

ขั้นตอนการปลูกผม
ขั้นตอนที่ 1 : การเตรียมการสำหรับปลูกผม
การปลูกผมมีจุดประสงค์เพื่อช่วยเพิ่มความมั่นใจและปรับปรุงบุคลิกภาพ และถือเป็นการศัลยกรรมความงามชนิดหนึ่ง อีกทั้งการปลูกผมยังมักใช้เพื่อช่วยรักษาปัญหาศีรษะล้านจากกรรมพันธุ์ (Andorgenetic Alopecia) ที่เกิดจากการถ่ายทอดยีนศีรษะล้านระหว่างคนในครอบครัว รวมถึงยังใช้ควบคู่กับการรักษาในผู้ป่วยที่มีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนจนทำให้ศีรษะล้าน
ขั้นตอนที่ 2 : การเจาะเพื่อดึงเซลล์รากผม
แพทย์จะฉีดยาชาไปยังบริเวณท้ายทอย และใช้เครื่องมือหัวเจาะที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางเพียง 0.6-0.8 mm. เจาะไปยังกอผม ซึ่งต้องใช้ความแม่นยำและละเอียดรอบคอบ ในการคัดเลือกเฉพาะกอผมที่มีความสมบูรณ์แข็งแรง ในขณะที่ต้องระมัดระวังไม่ให้เกิดการกระทบกระเทือนไปยังเซลล์รากผม
ขั้นตอนที่ 3 : การเจาะรูเพื่อปลูกผมใหม่
แพทย์จะเริ่มฉีดยาชาบริเวณศีรษะด้านหน้าที่จะทำการปลูกผม และใช้เข็มขนาดเล็กจิ้มเพื่อทำการเปิดรูเล็กๆ ยังบริเวณพื้นที่ที่ต้องการปลูกผม และใช้ forceps ปลายแหลมขนาดเล็ก คีบกราฟลงไปฝังให้ลึกที่สุด เปรียบเสมือนการย้ายเซลล์รากผมใหม่ลงไปปลูกนั่นเอง ในขั้นตอนนี้ต้องใช้ความชำนาญของแพทย์เป็นอย่างมาก เพราะเป็นการทำงานที่ต้องอาศัยความประณีตในการจัดเรียงแนวเส้นผมให้หนาแน่น และใกล้เคียงกับเส้นผมตามธรรมชาติของคนไข้มากที่สุด ในขณะที่ต้องทำเวลาให้เร็วที่สุด เพื่อรักษาคุณภาพของเซลล์รากผมให้สมบูรณ์ ช่วยให้เส้นผมเจริญเติบโตได้ดี แข็งแรง และพักฟื้นน้อยที่สุด
ขั้นตอนที่ 4 : การฝังกอผม (กราฟ)
หลังจากเสร็จสิ้นกระบวนการรักษา ซึ่งใช้เวลาประมาณ 4-6 ชั่วโมง หรือมากกว่านั้น ขึ้นอยู่กับจำนวนกราฟผมที่ปลูก แพทย์ผู้ช่วยจะทำความสะอาดบริเวณแผลและปิดแผล และใส่หมวกคลุมให้กับคนไข้ ช่วยป้องกันไม่ให้กราฟกระทบกระเทือน
ขั้นตอนที่ 5 : ปิดแผล
เมื่อแพทย์ปลูกผมเสร็จแล้ว จะทำการปิดแผลด้วยผ้าก๊อชเป็นขั้นตอนสุดท้าย โดยปิดแผลบริเวณที่ปลูกผมไว้ประมาณ 1-2 วัน เพื่อป้องกันแผลได้รับความกระทบกระเทือน และคอยติดตามผลในช่วง 1 ปี
การดูแลตนเองหลังปลูกผม
คุณหมอจะแนะนำและเน้นย้ำกับคนไข้เกี่ยวกับการดูแลตนเองเสมอ เพื่อผลลัพธ์ที่ดีและมีประสิทธิภาพมากที่สุด การดูแลตนเองตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัดก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เห็นผลลัพธ์เร็วยิ่งขึ้น
- หลังการปลูกผม ทางคลินิกจะจัดยาและให้คำแนะนำในการปฎิบัติตัวเมื่อกลับไปที่บ้าน ซึ่งหากมีอาการปวดควรทานยาแก้ปวด และสามารถทานยาปฏิชีวนะได้ เพื่อเป็นการป้องกันการอักเสบ
- คนไข้สามารถถอดผ้าพันแผลบริเวณรอบศีรษะหลังปลูกผมเสร็จ 5-7 วัน และสามารถกลับไปทำงานได้ปกติภายใน 5-7 วัน
- ในช่วง 2 สัปดาห์หลังปลูกผมสามารถสระผมได้ โดยควรสระด้วยแชมพูเด็ก และฟองน้ำ งดการเกาผมแรงๆ
- หลังการปลูกผมประมาณ 3 สัปดาห์ อาจพบอาการผมร่วง หรือที่เรียกว่า Shock Loss ซึ่งจะเกิดขึ้นเพียงชั่วคราวเท่านั้น จากนั้นประมาณ 6 เดือนจนถึง 9 เดือนผมจะเกิดขึ้นมาใหม่ แต่หากยังไม่ขึ้นแนะนำให้พบแพทย์เพื่อฟังคำแนะนำ
- ในช่วง 4 สัปดาห์หลังปลูกผม ก่อนออกไปด้านนอกควรใส่หมวก เพื่อหลีกเลี่ยงการโดนแดดและลมโดยตรง
- หากมีอาการผิดปกติ เช่น มีอาการคัน หนังศีรษะบวม มีรอยช้ำบริเวณรอบดวงตา เกิดการติดเชื้อ และมีต่อมน้ำเหลืองบริเวณแผล ควรรีบพบแพทย์
ทำไมต้องเลือกปลูกผมที่ YKJ Medical Center
- ธีระธรฌ์คลินิก มีทีมแพทย์เฉพาะทางที่ชำนาญ มีความรู้ทางด้านการแพทย์โดยเป็นแพทย์ที่ศึกษาการปลูกผมตั้งแต่รุ่นที่ 2 ของประเทศไทย และมากประสบการณ์ทางด้านปลูกผม เพื่อรักษามาตราฐานความปลอดภัยของคนไข้เป็นสำคัญ
- ธีระธรฌ์คลินิกหมั่นศึกษา และพัฒนาเทคนิคการปลูกผมอยู่เสมอ และแน่นอนว่าเลือกเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพ และสามารถตอบโจทย์คนไข้ได้มากที่สุด
- ธีระธรฌ์คลินิกให้คำแนะนำ และนัดติดตามดูแลอาการอย่างต่อเนื่อง จึงมั่นใจได้ว่าทุกเคสที่ปลูกผมไม่เคยมีปัญหา เพราะคุณหมอจะเคร่งครัดในเรื่องการดูแลตัวเองเป็นอย่างมาก
ดังนั้น ก่อนคิดจะปลูกผมแต่ละครั้ง จึงต้องศึกษาข้อมูลให้ดีและถี่ถ้วน เลือกแพทย์ที่ชำนาญเฉพาะด้าน หรือมีทีมแพทย์ที่เก่ง มากด้วยประสบการณ์โดยตรง และก็เป็นคลินิกที่สะอาดได้มาตรฐาน แล้วคุณจะได้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจแน่นอน